ผัวเจ้าของร้านคาราโอเกะ จ่อยิงลูกค้าดับคารที่ โทรแจ้งตำรวจจับตัวเอง สารภาพปมก่อเหตุ

ผัวเจ้าของร้านคาราโอเกะ จ่อยิงลูกค้าดับคารที่ โทรแจ้งตำรวจจับตัวเอง สารภาพปมก่อเหตุ

ผัวเจ้าของร้านคาราโอเกะ จ่อยิงลูกค้าดับคารที่ โทรแจ้งตำรวจจับตัวเอง สารภาพปมก่อเหตุ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผัวเจ้าของร้านคาราโอเกะ จ่อยิงลูกค้าประจำดับคาร้าน โทรแจ้งตำรวจจับตัวเอง สารภาพปมก่อเหตุ  

เมื่อเวลา 01.20 น. วันที่ 21 ตุลาคม 2567 พ.ต.อ.ศรีนคร นัยวัฒน์ ผกก.ศรีสงคราม รับแจ้งจากผู้ก่อเหตุ ว่า ยิงคนตาย บริเวณร้านคาราโอเกะชื่อดัง ร้านริมฝั่งนั่งเล่น หมู่ 6 ต.ศรีสงคราม อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม จึงประสาน ร.ต.อ.จรินทร์ พิมพ์จันทร์ รองสารวัตรสอบสวน สภ.ศรีสงคราม และชุดสืบสวน ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ ประสานแพทย์เวรโรงพยาบาลอำเภอศรีสงคราม ร่วมชันสูตรศพ

โดยในที่เกิดเหตุ พบคนก่อเหตุ ทราบชื่อคือ นายนรา อายุ 52 ปี เจ้าของร้าน ยืนรอมอบตัว พร้อมให้การกับตำรวจ และตรวจยึดของกลางอาวุธปืน ขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก ส่วนผู้เสียชีวิต นอนหงายในพื้นกลางร้าน สวมกางเกงสีเทา เสื้อยืดแขนยาวสีน้ำเงิน มีบาดแผลถูกยิงเข้าหลัง 1 นัด ทราบชื่อผู้ตายภายหลัง คือ นายภัทรชัย อายุ 33 ปี ชาว ต.ท่าจําปา อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม เจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบเก็บหลักฐานประกอบการดำเนินคดี พร้อมควบคุมผู้ก่อเหตุ มาสอบสวนดำเนินคดี

ส่วนร้านดังกล่าวเป็นประเภทร้านเหล้า คาราโอกะ กินดื่ม มีพนักงานสาวลาว ดูแลบริการ เบื้องต้น พ.ต.อ.ศรีนคร นัยวัฒน์ ผกก.ศรีสงคราม เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุคนยิง เป็นเจ้าของร้าน ไม่ได้หลบหนี รอให้การกับทางตำรวจ และมีการติดต่อแจ้งตำรวจเอง จึงได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจเกี่ยวข้อง ตรวจสอบเก็บหลักฐาน ชันสูตรศพ

ผู้ก่อเหตุสารภาพว่า เกิดจากสาเหตุหึงหวงแฟนสาว เนื่องจากผู้ตาย เป็นลูกค้าประจำ ชอบมากินดื่มที่ร้าน และเชื่อว่า มีพฤติกรรมเชิงชู้สาวกับเมียที่ดูแลร้าน จนเกิดโมโหอารมณ์ชั่ววูบตัดสินใจใช้อาวุธปืนยิงจนตายต่อหน้า อย่างไรก็ตามตำรวจจะได้สอบสวนโดยละเอียดประกอบการดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป 

ส่วนญาติผู้ตาย ยอมรับติดใจการเสียชีวิต รับไม่ได้กับพฤติกรรมคนก่อเหตุ อ้างว่าหึงหวง  แฟนสาว ทั้งที่เป็นร้านคาราโอเกะ บริการลูกค้า เชื่อว่ามีการเตรียมการมาก่อน เพราะไม่มีทะเลาะวิวาท และยิงจากด้านหลังแบบไม่ตั้งตัว อีกทั้งยังเป็นที่น่าสังเกตว่า คนตายนั่งคนเดียว ถูกยิงแบบไม่ตั้งตัว ขอให้ตำรวจเอาหลักฐานวงจรปิดมายืนยัน และดำเนินคดีขั้นเด็ดขาด และขอให้มีการชดเชยเยียวยาตามกฎหมาย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook