แม่แทบทรุด ลูกสาว 5 ขวบ มีเลือดออก "ส่วนลับ" ซ้ำๆ ไม่หาย หมอพบสิ่งแปลกปลอม 3 ชิ้น!

แม่แทบทรุด ลูกสาว 5 ขวบ มีเลือดออก "ส่วนลับ" ซ้ำๆ ไม่หาย หมอพบสิ่งแปลกปลอม 3 ชิ้น!

แม่แทบทรุด ลูกสาว 5 ขวบ มีเลือดออก "ส่วนลับ" ซ้ำๆ ไม่หาย หมอพบสิ่งแปลกปลอม 3 ชิ้น!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หมอเตือน เจอเคส ด.ญ.อายุ 5 ขวบ มีเลือดออก "ส่วนลับ"  ซ้ำๆ ไม่หาย ที่แท้มีวัตถุแปลกปลอม อยู่ข้างใน 3 ชิ้น!

ตามรายงานของเว็บไซต์ข่าว Tintuconline ของเวียดนาม พบว่า ครอบครัวพาเด็กหญิงวัย 5 ขวบ ส่งเข้ารับการตรวจสอบและรักษาในโรงพยาบาลเด็กแห่งชาติ เนื่องจากมี "เลือดออก" ในพื้นที่ส่วนลับ ครอบครัวดังกล่าวกล่าวว่าปรากฏการณ์ผิดปกตินี้เกิดขึ้นเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว และได้รับการรักษาแล้วในหลายสถานที่ แต่ก็ยังเป็นซ้ำอีก

ทางครอบครัวยังแจ้งด้วยว่า อาการผิดปกตินี้เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อประมาณ 2 เดือนก่อนหน้านี้ เด็กหญิงเคยมีเลือดและน้ำสีเหลืองไหลออกมาจากพื้นที่ส่วนลับ จึงได้พาเด็กไปตรวจรักษาตามสถานพยาบาลต่างๆ แต่อาการเช่นนี้ก็ยังกลับมาเป็นซ้ำอีก เมื่ออาการแย่ลงสุดท้ายก็ถูกนำส่งโรงพยาบาลเด็กแห่งชาติ

แพทย์ที่ทำการตรวจสงสัยว่าอาจมี "สิ่งแปลกปลอม" อยู่ด้านในร่างกายของเด็กหญิง จึงปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินปัสสาวะ ก่อนทำการส่องกล้องเพื่อนำวัตถุแปลกปลอมออก ซึ่งพบว่าเป็นสำลี 3 ชิ้น ขนาดประมาณ 2 ซม. ที่ติดอยู่กับผนังด้านล่างของช่องคลอด ซึ่งฝังลึกอยู่ในเนื้อเยื่อเมือก

หลังจากที่แพทย์นำสิ่งแปลกปลอมออกและทำความสะอาดร่างกายให้เรียบร้อยแล้ว สุขภาพของเด็กหญิงก็ทรงตัว และสามารถออกจากโรงพยาบาลได้ในเวลาต่อมา

ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญจากแผนกระบบทางเดินปัสสาวะ โรงพยาบาลเด็กแห่งชาติ ยังกล่าวเตือนด้วยว่าเมื่อเร็วๆ นี้ ทางแผนกได้รับเคสเด็ก 3 ราย ที่มีสิ่งแปลกปลอมในช่องคลอด เป็นเศษเสื่อไม้ไผ่ ก้อนแบตเตอรี่ และเศษสำลี ซึ่งหากเด็กเหล่านี้ไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที จะทำให้เกิดการติดเชื้อในช่องคลอด เกิดหนองที่อยู่ลึกซึ่งยากต่อการรักษา และอาจส่งผลต่อการทำงานของระบบสืบพันธุ์ในภายหลังด้วย

แพทย์แนะนำว่าเด็กเล็กๆ โดยเฉพาะเด็กอายุ 3-5 ปี มักชอบสำรวจโลกรอบตัว และรวมถึงสำรวจร่างกายของตนเอง มักจะสอดวัตถุแปลกปลอมเข้าไปในพื้นที่ส่วนตัวโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นผู้ปกครองและผู้ดูแลจึงต้องให้ความสนใจและเตือนเด็กๆ ไม่ให้ใส่วัตถุแปลกปลอมเข้าไปในร่างกายเพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่เลวร้าย ทั้งนี้ เมื่อพบเห็นอาการผิดปกติ ควรพาบุตรหลานไปสถานพยาบาลเฉพาะทางในทันที

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook