DSI แจงแล้ว ปมโซเชียลคาใจ นาฬิกา "บอสพอล" เก๊หรือแท้ก็ต้องยึดไว้ก่อน

DSI แจงแล้ว ปมโซเชียลคาใจ นาฬิกา "บอสพอล" เก๊หรือแท้ก็ต้องยึดไว้ก่อน

DSI แจงแล้ว ปมโซเชียลคาใจ นาฬิกา "บอสพอล" เก๊หรือแท้ก็ต้องยึดไว้ก่อน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

DSI แจงแล้ว ปมโซเชียลคาใจ นาฬิกา "บอสพอล" เก๊หรือแท้ก็ต้องยึดไว้ก่อน เตรียมเชิญผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบ

จากกรณีที่วานนี้ 22 ต.ค.67  เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI นำหมายค้นเข้าตรวจค้นและยึดอายัดทรัพย์สินของ “บอสพอล” ที่ถูกนำมาซุกซ่อนในห้องเช่าภายในซอยรามอินทรา 9 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร สามารถตรวจยึดทรัพย์สินเป็นนาฬิกาหรู 19 เรือน หนึ่งในนั้นคือนาฬิกาหรู Richard Mille RM 53-01 และ Richard Mille RM 35-02 ซึ่งทั้ง 2 เรือนนี้ มีมูลค่ารวมกันกว่า 33 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีพระเครื่อง และสร้อยคอทองคำ , รองเท้าและกระเป๋าแบรนด์เนมอีกหลายรายการ รวมมูลค่าประมาณ 40 ล้านบาท  

ต่อมาในรายการโหนกระแส ที่ดำเนินรายการโดย หนุ่ม กรรชัย ได้พูดถึงเรื่องดิไอคอน ประเด็นนาฬิกาหรูที่ ดีเอสไอ ตรวจยึดได้ที่ห้องเช่า ว่า ใครที่เห็นนาฬิกาก็บอกของเก๊ ขณะที่ นายอัจฉริยะ บอกว่า เมื่อคืนมีคนส่งรูปมาให้แล้วบอกว่าไม่รู้หรอว่าเป็นนาฬิกาคลองถม โดยบอกว่าเกินครึ่งเป็นของปลอม ส่วนหนุ่ม กรรชัย ระบุว่า ภาพที่ดีเอสไอเอาไปเทียบกับนาฬิกา มันคนละรุ่นและก็ไม่แท้ด้วย ไปถามนักเล่นนาฬิกาเขารู้ว่าไม่แท้ แล้วของแท้อยู่ไหนนั้น 

ล่าสุด 23 ต.ค. 67 กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI ได้ออกหนังสือชี้แจงกรณีดังกล่าว ว่า DSI ชี้แจงกรณีตรวจค้นฯ เป็นการปฏิบัติงานตามหน้าที่เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการตามกฏหมาย-เชิญผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบทรัพย์สินที่พบตามขั้นตอนแล้ว 

จากปรากฏการเผยแพร่ข้อมูลข่างสารทางสื่อสาธารณะว่าทรัพย์สินที่ได้จากการตรวจค้นห้องพักในซอยรามอินทรา 9 เขตบางเขนกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2567 จากการประเมินด้วยสายตามีความคิดเห็นว่าเป็นของปลอม และตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษในการดำเนินการ นั้น

กรมสอบสวนคดีพิเศษขอชี้แจงว่าปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวเป็นไปภายใต้การสืบสวนตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 ในความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงินทางอาญา และความผิดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งอยู่ในอำนาจหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ และการเข้าตรวจค้นดังกล่าวเป็นการดำเนินการโดยแสวงหาข้อเท็จจริงจากพยานบุคคลและนำไปสู่การยื่นคำร้องขอหมายค้นต่อศาลตามขั้นตอนของกฎหมาย   

ส่วนสิ่งของที่ตรวจยึดมานั้น มีทั้งสิ่งของที่เป็นพยานหลักฐานและทรัพย์สินตามที่ได้ข้อมูลจากพยาน ซึ่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษได้สั่งการให้กองคดีทรัพย์สินทางปัญญาเชิญผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบตามขั้นตอนแล้ว 

กรมสอบสวนคดีพิเศษ  ขอยืนยันว่าในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่เป็นไปตามภารกิจและอำนาจหน้าที่ โดยบูรณาการกับทุกภาคส่วนเพื่อประโยชน์ประชาชนเป็นที่ตั้ง ทั้งนี้ เมื่อได้ผลการตรวจสอบแล้วก็จะนำไปพิจารณาประกอบการดำเนินการตามกฎหมายต่อไป 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook