ตู่ ชี้หลักฐานชัดฟ้อง ศิริโชค ใช้อำนาจโดยมิชอบ
"จตุพร" ระบุมีหลักฐานชัดฟ้อง "ศิริโชค" ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ พบ "วิคเตอร์ บูท" ในวันหยุด เรียกร้องรัฐบาลหยุดบิดเบือนยอมรับความจริง
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีภรรยานายวิคเตอร์ บูท แถลงข่าววานนี้ (27 ส.ค.) ยอมรับว่าได้มีการพูดคุยกันระหว่างนายวิคเตอร์กับนายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ว่า การที่นายศิริโชค ยอมรับแล้วว่าไปพบนายวิคเตอร์จริง เพราะจนมุมต่อหลักฐาน จึงแสดงให้เห็นว่าตนไม่ได้โกหก จึงขอเรียกร้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ระบุว่าตนโกหกเรื่องนี้ให้รับผิดชอบกรณีดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ ยืนยันว่าการออกมาพูดเรื่องนี้ ไม่ได้ปกป้องใครและไม่ได้ทำตัวให้เป็นอุปสรรคต่อความสัมพันธ์ของสองประเทศ
นายจตุพร กล่าวว่า การแถลงของภรรยาวิคเตอร์ชัดเจนว่าเกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จึงแสดงให้เห็นชัดเจนว่า ใช้อำนาจหน้าที่ในการใส่ร้ายบุคคลหนึ่งบุคคลใด และการที่ภรรยานายวิคเตอร์เข้าใจว่า นายศิริโชค เป็นผู้ช่วยนายกรัฐมนตรี แม้ทางนิตินัยไม่ได้เป็น ส่วนเรื่องเวลาเยี่ยมไม่ว่าจะเป็นวันที่ 11 หรือ 15 เมษายน ก็เหมือนกัน เพราะเป็นวันหยุดยาว ไม่มีผู้ต้องหาคนไหนได้รับสิทธิให้ญาติเข้าเยี่ยมได้ อยากถามว่า หากไม่ใช่นายศิริโชคยืนอยู่หลังนายกรัฐมนตรีทุกวัน จะได้รับอนุญาตให้เข้าเยี่ยมหรือไม่ สิ่งนี้คือการใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ นายกรัฐมนตรีหยุดบิดเบือนได้แล้ว เรื่องดังกล่าวมีหลักฐานเพียงพอที่จะฟ้องร้องนายศิริโชคในการใช้อำนาจ หน้าที่โดยมิชอบได้ เพราะการไปพบนักโทษในวันหยุดก็ถือว่าผิดแล้ว"
นายจตุพร กล่าวว่า นายชาติชาย สุทธิกลม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เคยให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ว่านายศิริโชคมาเยี่ยมนายวิคเตอร์คนเดียว แต่ทนายความของนายวิคเตอร์บอกว่าอยู่ขณะที่นายศิริโชคพบนายวิคเตอร์ด้วย ฟังแล้วทำให้เข้าใจได้ว่าเป็นการเข้าพบกันคนละครั้ง จึงอยากเรียกร้องให้นายชาติชายทำเรื่องนี้ให้กระจ่างว่า นายศิริโชคไปพบนายวิคเตอร์กี่ครั้ง ส่วนกรณีเทปลับไม่ได้มาจากตนแน่นอน เพราะเคยให้สัมภาษณ์ว่าให้ไปถามภรรยานายวิคเตอร์เอง และการลงข่าวของสื่อก็อ้างจากแหล่งข่าวจากสำนักข่าวต่างประเทศว่าภรรยานายวิคเตอร์มีเทปลับ ไม่ได้มาจากตน จึงอย่าบิดเบือนกล่าวหาว่าเรื่องนี้มาจากตน
นายจตุพร กล่าวถึงกรณีเหตุระเบิดที่คิง เพาเวอร์ ว่าก่อนหน้านี้เมื่อมีการยิงเอ็ม 79 มักจะกล่าวหาว่ามาจาก พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก แต่ขณะนี้ไม่มี พล.ต.ขัตติยะแล้ว จึงมองว่าเป็นการใช้สูตรเดิม เพราะเป้าจริงๆ ต้องการหวังผลทางการเมืองมากกว่า เนื่องจากวิถีกระสุนไม่ได้อยู่ในระยะหวังผลให้เกิดความเสียหายต่อตัวสภาพ อาคาร จึงอยากตั้งคำถามว่าเรื่องนี้ใครเป็นผู้ได้ประโยชน์ เพราะพรรคเพื่อไทยเสียประโยชน์