แพทย์อเมริกัน แนะนำกิน 6 อาหาร "ตับดี" มีมากกว่าดื่มชา-กินปลา แถมไทยมีขายครบ!
Sanook//s.isanook.com/sr/0/images/logo-new-sanook.png60060
//s.isanook.com/ns/0/ud/1925/9629038/new-thumbnail1200x720.jpgแพทย์อเมริกัน แนะนำกิน 6 อาหาร "ตับดี" มีมากกว่าดื่มชา-กินปลา แถมไทยมีขายครบ!

แพทย์อเมริกัน แนะนำกิน 6 อาหาร "ตับดี" มีมากกว่าดื่มชา-กินปลา แถมไทยมีขายครบ!

2024-10-28T13:54:49+07:00
แชร์เรื่องนี้

แพทย์อเมริกัน แนะนำให้กิน 6 อาหาร ช่วยตับทำงานดีขึ้น มีหลากหลายมากกว่าแค่ดื่มชา-กินปลา

ดร.โจเซฟ ซาลฮับ แพทย์ระบบทางเดินอาหารในรัฐฟลอริดา เจ้าของช่อง TikTok @thestomachdoc ที่มีผู้ติดตามมากกว่า 1.7 ล้านคน มักแบ่งปันรายละเอียดเกี่ยวกับการรับประทานอาหารของเขา เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ติดตามนำเอาพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่ดีต่อลำไส้และตับมาใช้

ได้เปิดเผยถึงอาหารหลัก 6 อย่าง ที่ช่วยให้ตับทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพได้แก่ อะโวคาโด น้ำมันมะกอก ปลาที่มีไขมัน ถั่ว ชาเขียว และกาแฟ

การรวบรวมตัวเลือกเพื่อสุขภาพล่าสุดของเขาเกิดขึ้นขณะที่มีการวิจัยใหม่เกี่ยวกับโรคไขมันพอกตับชนิดไม่มีแอลกอฮอล์ หรือที่เรียกกันว่า “โรคระบาดเงียบ”
ดังที่ชื่อบ่งบอก NAFLD มีลักษณะเด่นคือไขมันส่วนเกินในตับของผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์น้อยหรือไม่ดื่มเล

สาเหตุหลักคือโรคอ้วน ร่วมกับปัจจัยเสี่ยงด้านการเผาผลาญ เช่น เบาหวานประเภท 2 ความดันโลหิตสูง คอเลสเตอรอลสูง และภาวะหยุดหายใจขณะหลับแบบอุดกั้น

“หากคุณมีโรคไขมันพอกตับ คุณควรปรับเปลี่ยนการรับประทานอาหาร ร่วมกับปรับเปลี่ยนวิถีการใช้ชีวิต เช่น ออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 4-5 ครั้ง มีน้ำหนักตัวอยู่ในเกณฑ์ปกติ และหลีกเลี่ยงสารพิษต่อตับ เช่น แอลกอฮอล์ ” คุณหมอแนะนำ

อะโวคาโด

คุณหมอกล่าวว่า นอกเหนือจากการเป็นแหล่งไขมันและไฟเบอร์ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพแล้ว อะโวคาโดยังมีวิตามินอี ซึ่งเราทราบกันดีว่ามีฤทธิ์ต้านการอักเสบของตับ

การรับประทานอะโวคาโดวันละลูก ยังเชื่อมโยงกับคุณภาพการนอนหลับที่ดีขึ้น และการทำงานของหัวใจและหลอดเลือด รวมทั้งลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานประเภท 2 ในสตรี

น้ำมันมะกอก

น้ำมันมะกอกเป็นอาหารหลักของชาวเมดิเตอร์เรเนียน ที่ได้รับการยกย่องอย่างมาก และบางครั้งถึงกับเรียกว่า "ทองคำเหลว " ถือเป็นราชินีแห่งไขมัน น้ำมันมะกอกเป็นไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและสารประกอบที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพอื่นๆ

ประโยชน์ ที่จะได้รับจากน้ำมันมะกอกได้แก่ ความเสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อม โรคหัวใจและหลอดเลือดลดลง และบรรเทาอาการท้องผูก

ทั้งนี้ นอกจากการปรุงอาหารด้วยน้ำมันมะกอกแล้ว คุณหมอยังแนะนำให้ใช้น้ำมันมะกอกราดหน้าบนอาหารเป็นประจำอีกด้วย เขาอธิบายว่า “การรับประทานแบบนี้อาจช่วยรักษาสารประกอบที่มีประโยชน์บางอย่างในน้ำมันมะกอกไว้ได้ ซึ่งอาจสูญเสียไปหากปรุงสุก”

ปลาที่มีไขมัน

คุณหมอแนะนำให้รับประทานปลาที่มีไขมัน เช่น ปลาแซลมอน หรือปลาเฮอริ่ง สัปดาห์ละ 2 ครั้ง

คำแนะนำนี้ได้รับการสนับสนุนจาก Lauri Wright นักโภชนาการที่ได้รับการรับรอง และศาสตราจารย์ที่วิทยาลัยสาธารณสุขแห่งมหาวิทยาลัยเซาท์ฟลอริดา ซึ่งเคยบอกกับ Fox News ว่า “ปลาแซลมอนเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับปลาที่ดีต่อสุขภาพ มีโอเมก้า 3 สูง ซึ่งช่วยบำรุงหัวใจและสมอง และยังมีโปรตีนสูงอีกด้วย”

“การวิจัยแสดงให้เห็นว่าการบริโภคโอเมก้า 3 ช่วยลดอัตราการเสียชีวิตโดยรวมจากโรคหัวใจ นอกจากนี้ โอเมก้า 3 ยังช่วยลดความดันโลหิตสูงได้เล็กน้อย และลดไตรกลีเซอไรด์ได้อย่างมีนัยสำคัญ”

ถั่ว

คุณหมอแนะนำให้รับประทานถั่วต่างๆ เช่น วอลนัท พิสตาชิโอ มะม่วงหิมพานต์ และพีแคน เป็นประจำ “ถั่วเหล่านี้เป็นแหล่งไขมันไม่อิ่มตัวที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่ยังมีวิตามินอี ซึ่งเราทราบดีว่ามีคุณสมบัติต้านการอักเสบของตับ”

วอลนัทมีประโยชน์ต่อร่างกายและจิตใจ  นักวิจัยจากสถาบันแห่งชาติเพื่อการชราภาพ  พบว่าอาจช่วยเพิ่มความจำใน ผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ได้ ขณะเดียวกัน  มีการวิจัยเชื่อมโยงการรับประทานวอลนัทกับคุณภาพของอสุจิที่ดีขึ้นด้วย

ชาเขียว

คุณหมอกล่าวว่า คุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบของชาเขียวและชาดำ ทำให้ชาทั้งสองชนิดเป็นส่วนเสริมที่ยอดเยี่ยมสำหรับอาหารประจำวัน

ใบชาประกอบด้วยสารคาเทชิน ซึ่งเป็นโพลีฟีนอลและฟลาโวนอยด์ชนิดหนึ่งที่ช่วยปกป้องเซลล์ของเราไม่ให้ถูกทำลายเมื่อเราอายุมากขึ้น

ใบชาประกอบด้วยสารคาเทชินมากกว่าอาหารและเครื่องดื่มชนิดอื่น ชาเขียวซึ่งผ่านกระบวนการแปรรูปจากใบชาสู่แก้วน้อยกว่าชาชนิดอื่น มีแนวโน้มที่จะคงไว้ซึ่งสารที่มีคุณสมบัติในการต่อต้านการอักเสบและปกป้องเซลล์

กาแฟ

คุณหมอดื่มกาแฟทุกวันเพื่อป้องกันนิ่วในถุงน้ำดีและโรคไขมันพอกตับ เขากล่าวว่า “กาแฟช่วยให้สุขภาพลำไส้ ตับ สมองดีขึ้น และลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งตับ”

การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ในปี 2022  พบว่า กาแฟกระตุ้นให้มีการหลั่งของโคลซีสโตไคนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่มีบทบาทสำคัญในการย่อยอาหาร ขณะที่ในบทความปี 2021 ที่ตีพิมพ์โดยคลินิกของมหาวิทยาลัยชิคาโก นักโภชนาการแนะนำให้ดื่มกาแฟมากถึง 3 แก้วต่อวัน เพื่อปกป้องตับ

ขอขอบคุณ

ข้อมูล :New York Post,@thestomachdoc