รู้แล้วร้องอ๋อ "อัจฉริยะ" แจงแทน "ทนายตั้ม" เคยมีคดีพรากผู้เยาว์ ได้ตั่วทนายความได้ไง?!

รู้แล้วร้องอ๋อ "อัจฉริยะ" แจงแทน "ทนายตั้ม" เคยมีคดีพรากผู้เยาว์ ได้ตั่วทนายความได้ไง?!

รู้แล้วร้องอ๋อ "อัจฉริยะ" แจงแทน "ทนายตั้ม" เคยมีคดีพรากผู้เยาว์ ได้ตั่วทนายความได้ไง?!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

“ทนายอั๋น” โผล่แฉทนายดัง คาดโดนออกหมายจับเร็วๆนี้ ด้าน "อัจฉริยะ" อธิบายเคยมีคดีพรากผู้เยาว์ แล้วได้ตั่วทนายความได้ไง?!

ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบกลาง นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือทนายอั๋น บุรีรัมย์ ยื่นหนังสือถึง พลตำรวจโทจิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินของพี่สาวภรรยาทนายความชื่อดังคนหนึ่งว่ามีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์มินนี่ หรือ BNK Master หรือไม่

ทนายอั๋น เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ตนเคยมายื่นหนังสือพลตำรวจโทจิรภพแล้วครั้งหนึ่ง ให้ขยายผลและจับกุมผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับการพนันออนไลน์ ซึ่งตนสงสัยว่ามีทนายความคนหนึ่งเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง และวันนี้ก็มีข่าวว่าทนายความคนหนึ่งใช้บัญชีของบุคคลอื่น 2 คน รับโอนเงินจากต่างประเทศ จำนวน 39 ล้านบาท โดยรับเป็นรายเดือน เดือนละ 300,000 บาท รวมทั้งหมดกว่า 4 ล้านบาท จึงสงสัยว่าสองบัญชีนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์หรือไม่

"ทนายดัง" กับคดีพรากผู้เยาว์ สมัยยังใช้ชื่อเก่า

ต่อมาเวลา 11.35 น. นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เปิดเผยกับสื่อมวลชนถึงกรณีที่ทนายความชื่อดังที่กำลังตกเป็นประเด็นเรื่องเงินหลักสิบล้านกว่าบาทในเวลานี้ว่าและเคยมีประเด็นเกี่ยวกับเรื่องคดีพรากผู้เยาว์มาก่อน

นายอัจฉริยะ กล่าวว่า จากที่เคยมีเพจโซเชียลขุดประเด็นว่าทนายชื่อดังคนนั้นเคยมีคดีพรากผู้เยาว์มาก่อน ตนได้รับอนุญาตจากทนายคนดังกล่าวให้มาชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวแล้วว่า คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2543 ซึ่งตอนนั้นทนายคนดังกล่าวยังใช้ชื่อเก่าอยู่ โดยตกเป็นผู้ต้องหาในคดีที่เกี่ยวข้องกับลูกตำรวจที่เป็นเยาวชนร่วมกับบุคคลอื่นรวม 4 คน โดย 3 คนถูกออกหมายจับ ส่วนตัวทนายคนดังกล่าวมามอบตัวเอง แต่อย่างไรก็ตาม คดีนี้อัยการสั่งไม่ฟ้อง คดีจึงถึงที่สุดและมีการออกกฎหมายลบล้างมลทินจนลบประวัติอาจจะทำออกไป ทำให้ทนายคนดังกล่าวผูกประวัติไว้และสามารถรับใบอนุญาตทนายความได้เมื่อปี 2547

ส่วนคดีความก่อนหน้านี้ที่ทนายคนนั้นถูกกล่าวหาเรื่องเรียกรับผลประโยชน์ในการช่วยเหลือทางคดีเกี่ยวกับยาเสพติด 2 คดีก่อนหน้านี้นั้น ซึ่งเป็นคดีที่ตนเคยร้องเรียนเพื่อเอาผิดกับทนายคนนั้น นายอัจฉริยะระบุว่า มีอยู่หนึ่งคดีที่จบไปแล้วเพราะอัยการทุจริตภาค 7 สั่งไม่ฟ้อง แต่ยังคงเหลือคดีที่ตนเคยร้องเรียนเมื่อปี 2561 ที่ทนายคนดังกล่าวร่วมมือกับตำรวจ สภ. แห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรสาครเรียกรับผลประโยชน์ในคดียาเสพติด ซึ่งคดีนี้ยังค้างอยู่ที่อัยการทุจริตภาค 7 มานานถึง 4 ปี ซึ่งตนก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมคดีถึงค้างนานและก็อยากให้อยากจะให้อัยการเร่งสรุปคดีโดยเร็วว่า จะสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้อง เพราะไม่งั้นจะถือเป็นการกระทำที่ทุจริต

   

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook