เลิกได้เลิก! 5 วิธีใช้ "ฟองน้ำล้างจาน" แบบผิด ๆ ที่ควรหยุดทันที รู้สาเหตุแล้วขนลุก
การใช้ "ฟองน้ำล้างจาน" ในชีวิตประจำวัน เพื่อทำความสะอาดจานชามนั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าใช้แบบผิดๆ 5 วิธีนี้ ก็ไม่ต่างจากรับ "สารพิษ" เข้าไปในร่างกาย
เพื่อทำความสะอาดจานชาม เรามักจะใช้ "ฟองน้ำล้างจาน" ไม่ว่าจะเป็นฟองน้ำแบบตาข่ายหรือฟองน้ำทั่วไป ร่วมกับน้ำยาล้างจาน เพื่อขจัดไขมันและเศษอาหารที่ติดอยู่บนพื้นผิวของอุปกรณ์รับประทานอาหารและการทำอาหาร ช่วยป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ และฟองน้ำล้างจานต้องสัมผัสกับน้ำยาล้างจานอยู่เสมอ แต่หลายคนไม่ค่อยใส่ใจในเรื่องนี้
ทั้งที่นี่อาจเป็นช่องทางเปิดให้เชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรคเข้าสู่ร่างกายหากไม่ใช้งานอย่างถูกต้อง งานวิจัยร่วมของมหาวิทยาลัย Giessen ในเยอรมนีและสถาบัน Helmtz ในมิวนิก พบว่ามีแบคทีเรียถึง 362 ชนิดบนฟองน้ำล้างจาน โดยครึ่งหนึ่งในนั้นสามารถทำให้เกิดโรคได้
- ทำอยู่หรือเปล่า? แก้ว 4 ประเภทที่รู้จักกันดี เอามาใส่น้ำร้อน หารู้ไม่ เหมือนดื่มยาพิษ
- เปิด "ตะเกียบ" 5 แบบ ควรทิ้งทันทีถ้ามีอยู่ในบ้าน ถ้าใช้เหมือนกิน "ยาพิษ" เข้าไป
- บริษัทดังมาบอกเอง ฟองน้ำด้านสีเหลือง ไม่ได้มีไว้ล้างจาน เผยวัตถุประสงค์ที่แท้จริง
- 5 นิสัยเสียของการใช้ "น้ำยาล้างจาน" ที่หลายคนก็ทำอยู่ หารู้ไม่เหมือนตายผ่อนส่ง
ต่อไปนี้คือ 5 วิธีการใช้ฟองน้ำล้างจานที่ควรเลิกทันที หากไม่ต้องการให้ "สารพิษ" แทรกซึมเข้าสู่ร่างกาย
5 วิธีการใช้ฟองน้ำล้างจานแบบผิด ๆ ที่ควรเลิกทันที
1. ใช้ฟองน้ำล้างจานในการล้างอ่างล้างจานหรือเช็ดครัว
หลายคนมีนิสัยใช้ฟองน้ำล้างจานแบบหลากหลาย ทั้งล้างจาน ล้างอ่างล้างจาน เช็ดโต๊ะ เช็ดครัว การทำเช่นนี้อาจทำให้ฟองน้ำล้างจานติดเชื้อแบคทีเรียและไวรัสจากวัตถุดิบที่คุณสัมผัสในขณะทำอาหาร ตามข้อมูลจากเว็บไซต์รัฐบาลญี่ปุ่น แบคทีเรียและไวรัสที่ก่อให้เกิดอาการอาหารเป็นพิษ สามารถแพร่กระจายผ่านฟองน้ำล้างจานจากอ่างล้างจานและอุปกรณ์อื่นๆ ได้ อ่างล้างจานมักจะสะสมเศษอาหารและฝุ่น
ดังนั้นการใช้ฟองน้ำล้างจานร่วมกันกับหลายพื้นผิวจะเพิ่มความเสี่ยงที่สิ่งสกปรกเหล่านี้จะกลับเข้าสู่จานชามของคุณ หรือเข้าสู่ร่างกายของคุณในหลายๆ วิธีที่คุณไม่สามารถจินตนาการได้
2. ใช้ฟองน้ำล้างจานนานเกินไปโดยไม่เปลี่ยนใหม่
ในความเป็นจริง ฟองน้ำล้างจานที่ใช้งานมานานจะสะสมสิ่งสกปรกภายในได้ง่าย ข้อมูลการวิจัยแสดงให้เห็นว่าฟองน้ำล้างจานที่ใช้มานานกว่า 1 ปี อาจมีแบคทีเรียถึง 500 ล้านตัว ทุกประเภทของแบคทีเรียจะติดอยู่บนฟองน้ำ และไม่สามารถทำความสะอาดได้แม้จะใช้งานกับน้ำยาล้างจานอย่างสม่ำเสมอ
ดังนั้นไม่ว่าจะฟองน้ำล้างจานจะมีความเสียหายหรือไม่ ควรเปลี่ยนใหม่อย่างสม่ำเสมอ โดยระยะเวลาในการใช้งานแต่ละชิ้นไม่ควรเกิน 1 เดือน หากรู้สึกว่าการทิ้งมันดูสิ้นเปลือง คุณสามารถใช้มันเป็นผ้าถูพื้นแทนได้
3. ไม่ทำความสะอาดฟองน้ำล้างจานหลังการใช้งาน
เราขจัดคราบไขมันและเศษอาหารที่เหลืออยู่บนจานชามด้วยการถูฟองน้ำล้างจานบนพื้นผิวของมัน ในระหว่างนั้นสิ่งสกปรกจะถูกย้ายจากจานชามไปติดอยู่ที่ฟองน้ำล้างจาน ดังนั้นหลังจากล้างจานเสร็จ ควรจำไว้ว่าให้ล้างฟองน้ำล้างจานให้สะอาดจากคราบสกปรก เศษอาหาร หรือไขมันที่ติดอยู่ ถ้าหากสิ่งสกปรกเหล่านี้ยังเหลืออยู่ มันอาจกลายเป็นอาหารให้กับแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรคและทำให้เกิดกลิ่นเหม็นได้
4. ไม่บีบฟองน้ำล้างจานให้แห้งหลังการใช้งาน
อ่างล้างจานเป็นที่ที่ต้องจัดการกับน้ำและวัตถุดิบในการทำอาหารหลายอย่าง นอกจากนี้ ฟองน้ำล้างจานมักจะร้อนและชื้น ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่แบคทีเรียชื่นชอบ
ดังนั้นควรจำไว้ว่าต้องทำให้ฟองน้ำล้างจานแห้งสนิทหลังการใช้งาน การวางฟองน้ำไว้ในอ่างล้างจานหลังจากล้างจานถือเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง ควรใช้มือบีบให้ฟองน้ำแห้งแล้วแขวนไว้ในที่ที่มีอากาศถ่ายเท หรือถ้าเป็นไปได้ให้ตากแดดให้แห้ง ฟองน้ำล้างจานที่หนาจะใช้เวลาตากแห้งนานกว่า ดังนั้น ควรเตรียมฟองน้ำ 2 ชิ้นเพื่อใช้สลับกันในแต่ละวัน
5. ไม่ทำการฆ่าเชื้อฟองน้ำล้างจานอย่างสม่ำเสมอ
เหมือนกับจานชาม ฟองน้ำล้างจานก็จำเป็นต้องได้รับการฆ่าเชื้อและทำความสะอาดเป็นประจำ มีวิธีการฆ่าเชื้อที่นิยมใช้ 4 วิธีที่คุณสามารถทำตามได้
- ฆ่าเชื้อด้วยไมโครเวฟ: แช่ฟองน้ำและนำเข้าไมโครเวฟในเวลา 3 นาที
- ฆ่าเชื้อด้วยการต้ม: ใส่ฟองน้ำลงในน้ำและต้มเป็นเวลา 3 ถึง 4 นาที
- ฆ่าเชื้อด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ: ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อที่มีความชัดเจนในแหล่งที่มาและใช้ตามคำแนะนำ
- ฆ่าเชื้อด้วยการตากแดด: ตากฟองน้ำล้างจานใต้แสงแดด