หญิงวัย 50 ไหว้สวย ขับเก๋งขวางรถกู้ชีพจนไปไม่ทันผู้ป่วย เหตุผลที่ไม่หลบฟังแล้วก็อึ้ง

หญิงวัย 50 ไหว้สวย ขับเก๋งขวางรถกู้ชีพจนไปไม่ทันผู้ป่วย เหตุผลที่ไม่หลบฟังแล้วก็อึ้ง

หญิงวัย 50 ไหว้สวย ขับเก๋งขวางรถกู้ชีพจนไปไม่ทันผู้ป่วย เหตุผลที่ไม่หลบฟังแล้วก็อึ้ง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หญิงวัย 50 ไหว้สวยขอโทษ ขับเก๋งขวางรถกู้ชีพ จนไปไม่ทันผู้ป่วย บอกเหตุผลทำไมไม่หลบ ทั้งที่รู้ว่าข้างหลังคือรถฉุกเฉิน

จากกรณี รถเก๋งขับไม่ยอมหลบรถกู้ชีพเทศบาลนครสมุทรปราการ แถมเบรกใส่ ในขณะที่รถกู้ชีพต้องรีบไปรับผู้ป่วยหมดสติ เจ้าหน้าที่ใช้ทั้งเสียง ทั้งไฟ แถมประกาศออกไมค์ และยังบีบแตร ก็ยังไม่หลบขับแบบสบายใจ จนรถกู้ชีพต้องเบี่ยงซ้ายหลบไปเอง บริเวณปากซอยพุฒสี (ปากซอย 7 แพรกษา) จนนำมาซึ่งความสูญเสีย เมื่อช่วงหัวค่ำ วันที่ 3 พฤศจิกายน 2567

ล่าสุดเมื่อช่วงบ่าย วันที่ 4 พฤศจิกายน 2567 ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสมุทรปราการ ได้ทราบตัวผู้ครอบครองรถคันดังกล่าว  โดยเจ้าของได้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว หลังจากสอบปากคำเสร็จเรียบร้อย เจ้าหน้าที่ได้นำตัวหญิงคนดังกล่าวไปเอารถที่บ้านพักในย่านคลองขุด พร้อมกล่าวขอโทษกับทางเจ้าหน้าที่กู้ชีพเทศบาลนครสมุทรปราการ

อย่างไรก็ตาม ขณะที่ นางเอ (นามสมมุติ) อายุ 50 ปี ขึ้นรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจหลังสอบปากคำ มีผู้สื่อข่าวสอบถามว่า เป็นผู้ขับขี่เก๋งคันดังกล่าวจริงหรือไม่ นางเอตอบว่าเป็นคนขับเองจริงๆ เมื่อถามว่า ไม่ได้ยินเสียงไซเรนเหรอ นางเอก็ตอบว่า "ได้ยินค่ะ ก็ยังว่า เลนข้างๆ ก็มีเนอะ"

โดยนางเอ ได้ให้ข้อมูลว่า ขับรถกลับจากงานศพและกำลังจะขับกลับบ้าน พอถึงบริเวณดังกล่าวตนได้ยินเสียงสัญญาณของรถพยาบาลแต่คิดว่าเป็นเสียงที่อยู่อีกฝั่ง และพอทราบว่ารถฉุกเฉินอยู่ด้านหลัง ก็คิดว่าทำไมถึงไม่เบี่ยงซ้ายไป ตนจึงไม่ได้หลบ ตนอาจจะคิดน้อยไปหน่อย ไม่ได้มีเจตนาที่จะขับขวางเลย  ก็อยากขอโทษกับสังคม ที่เราอาจจะทำให้ไปขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของทางเจ้าหน้าที่ ทำให้การล่าช้า จริง ๆ แล้วก็อาจจะช่วยชีวิตผู้ป่วยได้แม้เวลานิดเดียวที่ติดรถอยู่ ก็ต้องขอโทษสังคมด้วย จริงๆ เป็นกฎจราจรปกติอยู่แล้ว อยากให้ทุกคนเคร่งครัด ถ้าได้ยินเสียงรถฉุกเฉินอยากให้มองซ้ายมองขวา ว่ามันใช่รถของตัวเองไหมที่เขาส่งสัญญาณแจ้งมา ก็อย่าคิดน้อยเหมือนตน ถ้าเจอแล้วเลนซ้ายหลบได้ก็หลบ เพื่อที่จะรถกู้ชีพจะได้วิ่งเลนขวา

ด้าน นายครินทร์ รัตนประภาสชลา เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพของเทศบาลนครสมุทรปราการได้บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ได้รับแจ้งจากศูนย์สั่งการ ว่ามีผู้ป่วยท้องเสีย ตนได้โทรหาคนไข้ญาติคนไข้ แจ้งว่าคนไข้หมดสติตนจึงรีบเดินทางไป พอถึงช่วงโค้งโรงแก้วปราการ ได้มีรถเก๋งขวางอยู่ทางด้านขวา ทางด้านซ้ายไม่สามารถไปได้เพราะติดมอเตอร์ไซค์ จึงได้ทำการบีบแตรไล่ ตั้งแต่โค้งโรงแก้วจนถึงปากซอยพุดสี แต่รถคันดังกล่าวไม่มีทีท่าว่าจะหลบ และมีการเหยียบเบรก ขับแช่อยู่ประมาณ 1 นาที พอถึงปากซอย 7 ตนเห็นว่ามีทางที่จะหลบออกไปได้ จึงได้ขับออกไป ทางด้านซ้ายมันว่างแค่ช่วงระยะหนึ่ง ถ้าอย่างน้อยเขาเบี่ยงออกซ้ายไปเขายังชะลอตัวได้ ถ้าตนเบี่ยงซ้ายออกไปแล้วชะลอตัวรถหลังก็จะชน

ทางฝ่ายรถเก๋งไม่มีการลดกระจกลงมา มีแต่ตนที่ลดกระจกทั้งสองข้างเพื่อจะโบกขอทางตลอด ซึ่งพอไปถึงบ้านคนไข้ก็ไม่หายใจแล้ว โดยปกติแล้วคนไข้ที่หมดสติหยุดหายใจต้องไม่เกิน 5 นาที แต่ครั้งนี้ไปถึงล่าช้า ส่วนด้านข้อกฎหมายของกรณีการขับรถกีดขวางเส้นทางรถพยาบาลนั้นเข้าข่ายผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกมาตรา 76 ที่ระบุไว้ว่า “เมื่อเห็นรถฉุกเฉินในขณะปฏิบัติหน้าที่ ใช้ไฟสัญญาณแสงวับวาบหรือได้ยินเสียงสัญญาณไซเรน จะต้องให้รถฉุกเฉินผ่านไปก่อน หากฝ่าฝืนมีโทษเปรียบเทียบปรับไม่เกิน 500 บาท” 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook