เปิดเบื้องหลังชีวิต "เมียเศรษฐีดูไบ" เล่าเองไม่ได้ดีอย่างที่คิด เหมือนถูกขังอยู่ใน "คุกทองคำ"

เปิดเบื้องหลังชีวิต "เมียเศรษฐีดูไบ" เล่าเองไม่ได้ดีอย่างที่คิด ผัวตั้งกฎมากมาย เหมือนถูกขังอยู่ใน "คุกทองคำ"

เว็บไซต์ต่างประเทศ รายงานว่า โซดี อัล นาดาค อินฟลูสาววัย 26 ปี ที่โด่งดังจนเป็นไวรัลฮือฮาไปทั่วโลก หลังสามีเศรษฐีดูไบ ทุ่มเงินซื้อเกาะส่วนตัวมูลค่ากว่า 1.6 พันล้านบาท เพื่อให้ภรรยาใส่บิกินีเดินริมหาดได้อย่างสบายใจไม่ต้องกังวลสายตาคนอื่น

ล่าสุด นางโซดีได้ออกมาเผยกฏเกณฑ์ชีวิตคู่ที่หลายคนอิจฉาผ่านโซเชียลมีเดีย เบื้องหลังไม่ได้ดีหรือมีความสุขอย่างที่หลายคนคิด

นางโซดี วัย 26 ปี มีผู้ติดตามบนอินสตาแกรมกว่า 417,000 คน เล่าว่า เธอแต่งงานกับ จามาล อัล นาดาค นักธุรกิจผู้มั่งคั่งในดูไบเมื่อปี 2564 สามีของเธอได้ตั้ง “กฎเกณฑ์ชีวิต” ไว้กับเธอว่า เธอไม่ได้รับอนุญาตให้ไปทำงาน และห้ามมีเพื่อนเป็นเพศตรงข้าม  ข่าวนี้กลายเป็นกระแสในโลกออนไลน์โดยที่มีคนเปรียบเปรยว่า ชีวิตของโซดีเหมือนถูกขังใน "คุกทองคำ"

สามีของเธอได้กำหนดมาตรฐานการใช้ชีวิตของเธอ อย่าง เขาหวังที่จะชื่นชมความงามของเธอทุกวัน ดังนั้น เธอจึงต้องดูแลการแต่งหน้าและทำผมของเธอให้สวยงามดูดีอยู่เสมอตั้งแต่ตื่นนอน รวมถึงสีกระเป๋ากับรองเท้าก็ต้องแมตช์กัน

นอกจากนี้ โซดีไม่จำเป็นต้องออกไปทำงาน เนื่องจากสามีของเธอเป็นคนหาเงินให้เธอใช้ทั้งหมด โดยที่เธอไม่ต้องทำอะไรเลย เธอไม่จำเป็นต้องทำอาหารเองด้วยซ้ำ เพราะครอบครัวทานข้าวนอกบ้านทุกวัน แต่ถึงแม้จะมีความสุขกับชีวิตที่สุขสบาย บางครั้งโซดีรู้สึกอึดอัดกับข้อจำกัดต่างๆ ของสามี

อย่างไรก็ตาม ภายหลังเรื่องราวดังกล่าวถูกเผยแพร่บนโลกออนไลน์ ทำให้ได้รับความสนใจจากชาวเน็ตอย่างมาก โดยความเห็นส่วนใหญ่ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ฟังดูเหมือนอยู่ในคุกทองคำเลย, สามีคุณเจ้าระเบียบมาก ไม่เชื่อใจคุณ และไม่อยากให้คุณมีชีวิตที่สุขอย่างแท้จริง, ดูเหมือนว่าเงินซื้อรอยยิ้มของเธอไม่ได้ บางคนคอมเมนต์แสดงความกังวลว่าความสัมพันธ์ที่ถูกควบคุมแบบนี้อาจทำให้ชีวิตของเธอไม่มีความหมายและน่าเบื่อ จนทำให้ชีวิตการแต่งงานต้องจบลง 

ขณะที่ ชาวเน็ตบางคนชี้ให้เห็นว่า “เงินไม่สามารถซื้อความสุขได้ แม้ว่าการมีเงินจะมีความสุขมากกว่าการไม่มีเงินก็ตาม” พร้อมตั้งคำถามว่า เงินจะนำความสุขมาให้คนเราภายใต้ขีดจำกัดเช่นนี้ได้จริงหรือ?

เมียเศรษฐีอยากใส่บิกินีริมทะเล แต่กลัวคนมอง ผัวทุ่ม 1.6 พันล้าน แก้ปัญหาแบบรวยๆ