โศกนาฏกรรมจูไห่ เปิดปมชายจีนคลั่ง ขับรถชนมีผู้เสียชีวิต 35 ราย เจ็บอีกครึ่งร้อย

โศกนาฏกรรมจูไห่ เปิดปมชายจีนคลั่ง ขับรถชนมีผู้เสียชีวิต 35 ราย เจ็บอีกครึ่งร้อย

โศกนาฏกรรมจูไห่ เปิดปมชายจีนคลั่ง ขับรถชนมีผู้เสียชีวิต 35 ราย เจ็บอีกครึ่งร้อย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ชายวัย 62 ปี ขับรถพุ่งชนผู้คนที่เมืองจูไห่ ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 35 ศพ บาดเจ็บอีกเกือบครึ่งร้อย ด้าน สี จิ้นผิง สั่งลงโทษเด็ดขาด

เว็บไซต์ ETtoday รายงานว่า เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา เมื่อเวลาประมาณ 19.48 น. ได้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรง จากการขับรถพุ่งชนประชาชนในเมืองจูไห่ ต่อมาในวันที่ 12 พฤศจิกายน สำนักงานตำรวจเมืองจูไห่ได้แถลงข่าวโดยยืนยันว่าเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิต 35 ราย และบาดเจ็บ 43 ราย

ตามรายงานของตำรวจ นายฟาน วัย 62 ปี ได้ขับรถยนต์ขนาดเล็กบุกเข้าไปในศูนย์กีฬาเมืองจูไห่อย่างผิดกฎหมาย และพุ่งชนประชาชนที่กำลังทำกิจกรรมในบริเวณสนามกีฬา

หลังจากที่ตำรวจควบคุมตัวนายฟานได้ พบว่าเขาพยายามใช้มีดทำร้ายตัวเองในรถ เจ้าหน้าที่จึงรีบเข้าระงับเหตุและนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อทำการรักษา

มีรายงานว่านายฟานได้รับบาดเจ็บสาหัสบริเวณลำคอและส่วนอื่น ๆ จนหมดสติ และยังอยู่ระหว่างการรักษาในโรงพยาบาล จึงยังไม่สามารถให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้

จากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่าสาเหตุของเหตุการณ์นี้ เกิดจากความไม่พอใจของนายฟานต่อผลการแบ่งทรัพย์สินหลังการหย่าร้าง ขณะนี้การสอบสวนคดียังคงดำเนินต่อไป

ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการสอบสวนคดีนายฟาน ในข้อหากระทำความผิดฐานใช้วิธีการที่เป็นอันตรายต่อความปลอดภัยสาธารณะ และได้ควบคุมตัวเขาไว้ ซึ่งกระบวนการสืบสวนคดี การดูแลผู้บาดเจ็บ และการจัดการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องยังคงดำเนินต่อไป

ขณะที่สื่อทางการจีน รายงานว่า สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีของจีน ได้ออกมาแสดงความห่วงใยอย่างยิ่งต่อเหตุการณ์นี้ พร้อมสั่งการให้เร่งสืบสวนข้อเท็จจริงของคดีและลงโทษผู้กระทำความผิดอย่างเคร่งครัดตามกฎหมาย

สี จิ้นผิง ได้สั่งการโดยตรงว่า "ต้องทุ่มเทเต็มที่ในการรักษาผู้บาดเจ็บ และดูแลจัดการเรื่องการปลอบขวัญและเยียวยาครอบครัวของผู้เสียชีวิตอย่างรอบคอบ รวมถึงลงโทษผู้ก่อเหตุอย่างเคร่งครัดตามกฎหมาย"

นอกจากนี้ ยังมีคำสั่งให้ทุกภูมิภาคและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับบทเรียนจากเหตุการณ์นี้อย่างลึกซึ้ง และพิจารณาปรับปรุงมาตรการป้องกันความเสี่ยงจากต้นเหตุ ตลอดจนแก้ไขปัญหาและข้อขัดแย้งต่าง ๆ อย่างทันท่วงที เพื่อป้องกันการเกิดเหตุการณ์ร้ายแรง และเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยในชีวิตของประชาชน รวมถึงรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคมอย่างเต็มที่

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook