ทารก 15 เดือน "หน้าเบี้ยวครึ่งซีก" อากาศเริ่มหนาว หมอย้ำสิ่งที่ต้องระวัง โรคนี้ไม่แก่ก็เป็นได้!

ทารก 15 เดือน "หน้าเบี้ยวครึ่งซีก" อากาศเริ่มหนาว หมอย้ำสิ่งที่ต้องระวัง โรคนี้ไม่แก่ก็เป็นได้!

ทารก 15 เดือน "หน้าเบี้ยวครึ่งซีก" อากาศเริ่มหนาว หมอย้ำสิ่งที่ต้องระวัง โรคนี้ไม่แก่ก็เป็นได้!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ทารกวัย 15 เดือน "อัมพาตใบหน้า" อากาศเริ่มหนาว หมอย้ำสิ่งที่พ่อแม่ต้องระวัง โรคนี้ไม่แก่ก็เป็นได้!

ตามข้อมูลของสื่อเวียดนาม กรณีเด็กหญิงอายุ 15 เดือน มีอาการเส้นประสาทสมองที่ 7 อักเสบ ครอบครัวของเด็กเล่าว่า ในตอนเช้าที่ดูปกติเหมือนทุกวัน จู่ๆ ลูกสาววัย 15 เดือน ก็ประสบช่วงเวลาที่น่ากังวล ปากบิดเบี้ยวและหลับตาไม่สนิท จึงรีบพาเข้าตรวจที่โรงพยาบาลทันที

จากการตรวจทางคลินิก แพทย์วินิจฉัยว่าทารกมีอาการเส้นประสาทสมองที่ 7 อักเสบ หรือที่หลายคนเรียกกันว่า “โรคใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีก” ซึ่งเป็นภาวะ ที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหากพบในเด็ก โดยเฉพาะเด็กที่มีสุขภาพไม่ดีมักมีความเสี่ยงสูง ทำให้ใบหน้าของเด็กบิดเบี้ยวด้านใดด้านหนึ่งหรือทั้งหมด ภาวะนี้อาจทำให้เด็กขยับปาก เปลือกตา หรือจมูกได้ยาก

เคสนี้ทารกได้รับการรักษาในโรงพยาบาล โดยเป็นการผสมผสานระหว่างการแพทย์แผนโบราณ และการฟื้นฟูสมรรถภาพทีมแพทย์ไม่เพียงแต่ให้การรักษาอย่างมืออาชีพเท่านั้น แต่ยังมุ่งเน้นไปที่จิตวิทยาของเด็กด้วย เพราะเด็กเล็กมักจะกลัวเมื่อต้องเข้ารับการรักษาพยาบาล

จากข้อมูลของแพทย์ที่ทำการรักษา สาเหตุหลักของเส้นประสาทสมองที่ 7 อักเสบ ในเด็กเล็กมักเกิดจากการเป็นหวัด เพื่อป้องกันสิ่งนี้ ผู้ปกครองจะต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษกับการให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายเด็ก โดยเฉพาะศีรษะ คอ หน้าอกแขน และขา รวมทั้งใส่ใจเรื่องโภชนาการเพื่อเพิ่มความภูมิต้านทานของเด็ก

ที่จริงแล้ว เด็กอาจเป็นนี้ได้ทุกช่วงเวลาของปี แต่ฤดูหนาวและการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล มีโอกาสสูงที่จะเป็นโรคนี้สูง จากสถิติพบว่ามากกว่า 75% ของกรณีเกิดจากการสัมผัสความเย็นกะทันหัน นอกจากนี้ยังมีสาเหตุอื่นๆ เช่น ถ่ายทอดทางพันธุกรรม, เด็กที่ติดเชื้อไวรัส เช่น หัดเยอรมัน เริม, เด็กที่ได้รับบาดเจ็บที่ใบหน้า, เด็กที่เป็นหวัดและไข้หวัดใหญ่

เด็กที่เป็นเส้นประสาทสมองที่ 7 อักเสบ จะมีอาการค่อนข้างชัดเจนและสังเกตได้ เช่น กล้ามเนื้อใบหน้าหย่อนคล้อย,กล้ามเนื้อใบหน้าตึงกะทันหัน, ไม่สามารถปิดตาข้างหนึ่งให้สนิทได้, น้ำดื่มมักหกออกมาจากปาก, ชาข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งใบหน้า, หัวเราะและพูดได้ยาก, ปวดหู ปวดศีรษะ, มีการหลั่งน้ำลายและน้ำตาเพิ่มขึ้น หากผู้ปกครองเห็นบุตรหลานมีอาการดังต่อไปนี้ จะต้องรีบพาบุตรหลานไปสถานพยาบาลเพื่อรับการรักษาอย่างทันท่วงที

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook