ตำรวจดับฝัน "ป้าติ๋ม" แม่บ้าน หมดสิทธิ์รับมรดก 100 ล้านบาท ของแหม่มฝรั่งเศส

ตำรวจดับฝัน "ป้าติ๋ม" แม่บ้าน หมดสิทธิ์รับมรดก 100 ล้านบาท ของแหม่มฝรั่งเศส

ตำรวจดับฝัน "ป้าติ๋ม" แม่บ้าน หมดสิทธิ์รับมรดก 100 ล้านบาท ของแหม่มฝรั่งเศส
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ดับฝัน “ป้าติ๋ม” แม่บ้าน หมดสิทธิ์รับมรดก100 ล้าน ของแหม่มชาวฝรั่งเศส หลังตำรวจสืบสวนนานร่วม 7 เดือน หอบหลักฐานเรียก 2 คนไทย เข้าข่ายนอมินี

จากกรณี หญิงนักธุรกิจชาวฝรั่งเศส เจ้าของวิลล่าให้เช่า บนเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ลั่นไกจบชีวิตริมสระน้ำในวิลล่าหรู ก่อนตายทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินทั้งหมด 100 ล้าน ให้ "ป้าติ๋ม" แม่บ้านคนสนิท หลังทราบป่วยเป็นมะเร็ง 

วันนี้ (26 พ.ย.67) พล.ต.ต.เสริมพันธุ์ ศิริคง ผบก.ภ.จว. สุราษฎร์ธานี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย(ศปชก.) ภ.จว. สุราษฎร์ธานี มอบหมายให้ พ.ต.ท.ณัฐพงษ์ ร่มไทร รอง ผกก.สอบสวน สภ.กาญจนดิษฐ์ ปฎิติบัติหน้าที่คณะพนักงานสอบสวนประจำ ศปชก. ภ.จว.สุราษฎร์ธานี เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษกับพนักงานสอบสวน สภ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ให้ดำเนินคดีกับ บริษัท จี.วี.เอ็น.อี.จำกัด ,บริษัท แม็กซิเคท จำกัด ในฐานะนิติบุคคล ,นางแคทเทอร์รีน อายุ 59 ปี สัญชาติฝรั่งเศส ที่เสียชีวิต ในข้อหา ร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ ,เป็นบุคคลต่างด้าวประกอบธุรกิจที่ไม่อนุญาตให้คนต่างด้าวประกอบกิจการด้วยเหตุผลพิเศษตามที่กำหนดไว้ในบัญชีหนึ่ง (การค้าที่ดินตามบัญชีหนึ่ง(9)) ,เป็นคนต่างด้าวได้ที่ดินมาโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และเป็นบุคคลต่างด้าวยินยอมให้ผู้มีสัญชาติไทย หรือนิติบุคคลที่มิใช่คนต่างด้าวตามพระราชบัญญัตินี้ถือหุ้นแทนคนต่างด้าวในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทจำกัด หรือนิติบุคคลใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้

รวมถึง นายทองใส อายุ 50 ปี ชาวสุราษฎร์ธานี นางรัชประภา อายุ 36 ปี ชาวนครศรีธรรมราช ในข้อหาร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ ,ร่วมกันสนับสนุนช่วยเหลือให้คนต่างด้าวได้ที่ดินมาโดยผิดชอบด้วยกฎหมาย ,เป็นผู้มีสัญชาติไทยหรือนิติบุคคลที่มิใช่คนต่างด้าวตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ความช่วยเหลือหรือสนับสนุนหรือร่วมประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว อันเป็นธุรกิจที่กำหนดไว้ในบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ (การค้าที่ดิน ตามบัญชีหนึ่ง(9))โดยคนต่างด้าวนั้นมิได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจดังกล่าว หรือร่วมประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวโดยแสดงออกว่าเป็นธุรกิจของตนแต่ผู้เดียวหรือถือหุ้นแทนคนต่างด้าวในห้างหุ้นส่วน หรือบริษัทจำกัด หรือนิติบุคคลใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ รวมทั้งคนต่างด้าวซึ่งยินยอมให้ผู้มีสัญชาติไทยหรือนิติบุคคลที่มิใช่คนต่างด้าวตามพระราชบัญญัตินี้กระทำการดังกล่าว” โดย พ.ต.ท. ณัฐพงษ์ ได้มอบสำนวนการสืบสวนและพยานหลักฐาน ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

โดย พ.ต.อ.ศิริชัย สุขสาตต์ รอง ผบก.ภ.จว. สุราษฎร์ธานี/รอง ผอ.ศปชก. ภ.จว. สุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุ นางแคทเทอร์รีน อายุ 59 ปี แหม่มสาวนักธุรกิจวิลล่าให้เช่าบนเกาะสมุย ปลิดชีพตัวเองริมสระน้ำในวิลล่าหรู ก่อนตายทำพนัยกรรมยกทรัพย์สินให้แม่บ้านคนสนิท มูลค่าร่วม 100 ล้านบาท เหตุเกิดเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา จนทำให้เป็นสนใจของคนไทยทั้งประเทศ ขณะเดียวกันปรากฏการณ์ดังกล่าวก็ได้สร้างความกังขาให้กับสังคมเช่นกัน โดยเฉพาะประเด็นทรัพย์สินเกี่ยวกับที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างว่าชาวต่างชาติสามารถถือครอง และโอนทรัพย์สินให้กับผู้อื่นได้หรือไม่

ทางผู้บังคับบัญชาจึงได้มอบหมายให้ ศปชก. ภ.จว.สุราษฎร์ธานี เข้าสืบสวนสอบสวนมาอย่างต่อเนื่องจนพบพยานหลักฐานที่ทำให้เชื่อว่า การดำเนินธุรกิจในลักษณะนิติบุคคลที่มีบุคคลต่างด้าวเป็นกรรมการ เข้าข่ายความผิดลักษณะของตัวแทนอำพราง ซึ่งเราได้ใช้เวลารวบรวมพยานหลักฐานจนมั่นใจว่าสามารถเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องได้ จึงเป็นที่มาของการเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษเพื่อดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยในการสืบสวนยังพบว่ามีสำนักงานกฎหมายเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง และให้การช่วยเหลือในการจดทะเบียนบริษัทนิติบุคคลของชาวต่างด้าว ซึ่งประเด็นของสำนักงานกฎหมาย จะต้องมีการสืบสวนสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม โดยคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ในเร็วๆ นี้

สืบเนื่องจาก หลังปรากฏเป็นข่าว นายรัชชพร พูลสวัสดิ์ นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ได้ออกมาเรียกร้องให้ภาครัฐ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบเกี่ยวกับความถูกต้องในการถือครองทรัพย์สิน รวมถึงการดำเนินกิจการธุรกิจที่จดทะเบียนจัดตั้งเป็นนิติบุคคลเพื่อถือครองทรัพย์สินโดยเฉพาะที่ดินในประเทศไทย รวมถึงให้มีการตรวจสอบการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลเพื่อครอบครองวิลล่าของชาวต่างชาติ ทั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย และรักษาผลประโยชน์ของประเทศ

ต่อมา พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 / ผอ.รมน.ภาค 4 ในขณะนั้น ได้สั่งการให้ชุดแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ ทำลายทรัพยากรธรรมชาติธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่กองทัพภาคที่ 4 กอ.รมน.ภาค 4 เข้าตรวจสืบสวนหาข่าว และรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ จนนำไปสู่การตรวจสอบการถือครองที่ดินของรัฐ และการประกอบธุรกิจวิลล่าหรูบนเกาะสมุย และนายเจษฎา จิตรัตน์ ผวจ. สุราษฎร์ธานีก็มี คำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ และสอบสวนข้อเท็จจริงตามมาตรการป้องกันการถือครองที่ดินแทนคนต่างด้าว พื้นที่ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฏธานี เข้าดำเนินการตรวจสอบเช่นกัน

โดยคณะกรรมการตรวจสอบและสอบสวนข้อเท็จจริงรายงานการตรวจสอบได้ผลสรุปว่า ผู้เสียชีวิต คือ นางแคทเทอร์รีน เป็นกรรมการบริษัท 2 บริษัท คือ บริษัท จี.วี.เอ็น.อี. จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2555 วัตถุประสงค์ ขณะจดทะเบียนประกอบกิจการให้เช่าที่พัก รีสอร์ท บังกะโล และบ้านพักตากอากาศ และบริษัท แม็กชิเคท จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2551 วัตถุประสงค์ขณะจดทะเบียนประกอบธุรกิจรับเป็นที่ปรึกษาและให้คำแนะนำเกี่ยวกับธุรกิจคอมพิวเตอร์ โดยทั้ง 2 บริษัทมีชื่อนางแคทเทอร์รีน ฯ เป็นกรรมการซึ่งลงชื่อผูกพันบริษัทแต่เพียงผู้เดียว

จึงมีเหตุสงสัยว่า บริษัททั้ง 2 ถือครองที่ดินแทนคนต่างด้าว และมีการฝ่าผืนกฎหมายโดยการถือครองที่ดินไว้แทนคนต่างด้าวโดยมิชอบ ในลักษณะตัวแทนอำพราง (นอมินี)

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook