หญิงคลอดลูกซ่อนไว้ใน "ลิ้นชัก" 3 ปีคนในบ้านเพิ่งรู้ ไม่สลดพูด 4 คำ จนท.ยังขนลุก
แม่ชาวอังกฤษถูกตัดสินจำคุก หลังจากเก็บลูกแรกเกิดไว้ในลิ้นชักไม้ใต้เตียงอย่างลับๆ เป็นเวลานานถึง 3 ปี โดยไม่ยอมให้ลูกเข้าสังคมหรือเห็นแสงแดดเลย
ตามรายงานระบุว่า หญิงชาวเมืองเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ ซึ่งเก็บขังลูกน้อยไว้ในลิ้นชักใต้เตียง และซ่อนเธอจากลูกคนอื่นๆเป็นเวลา 3 ปี ถูกจำคุกฐาน "ละเลยอย่างร้ายแรง" หลังจากพบลูกน้อยที่น่าสงสารของเธอในที่สุด
ทารกถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพังในขณะที่แม่ของเธอไปทำงาน พาลูกคนอื่นๆ ไปโรงเรียน และอยู่กับญาติๆ ในช่วงคริสต์มาสกระทั่งเมื่อแฟนหนุ่มของเธอเริ่มมาพักค้างคืนที่บ้านหลังดังกล่าว ทารกจึงถูกย้ายไปยังห้องอื่น และถูกทิ้งไว้ที่นั่นเพียงลำพังอีกครั้ง แต่ท้ายที่สุดแฟนหนุ่มของแม่ก็เป็นคนพบเด็กที่ถูกทอดทิ้ง
เด็กถูกพบในเช้าวันหนึ่ง ขณะที่แฟนหนุ่มของแม่กลับมาที่บ้านเพื่อใช้ห้องน้ำ เขาได้ยินเสียงร้องไห้ดังออกมาจากห้องนอนห้องหนึ่ง จึงเข้าไปตรวจสอบดูและเห็นเด็ก เขาจึงแจ้งให้สมาชิกในครอบครัวทราบ และในวันนั้นเอง เจ้าหน้าที่บริการสังคมสงเคราะห์ได้เข้ามาตรวจสอบ “พบเด็กอยู่ในลิ้นชักเตียง”
ความลับสุดยอดถูกเปิดเผย แม่พูดคำที่น่ากลัว 4 คำออกมา
ศาลเมืองเชสเตอร์ได้รับฟังว่า เด็กหญิงวัย 3 ขวบมีผมพันกัน พิการ และมีผื่นขึ้น ในแถลงการณ์เจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์กล่าวว่า เธอเห็นเด็กนั่งอยู่ในลิ้นชักและถามแม่ของเด็กว่าที่นั่นคือที่ที่เธอเก็บลูกสาวไว้หรือเปล่า อีกฝ่ายตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า “ใช่ ในลิ้นชัก"
“ฉันตกใจมากที่แม่ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ และดูเฉยเมยต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ฉันรู้สึกหวาดกลัวอย่างมากเมื่อพบว่า ฉันอาจเป็นคนเดียว (ที่เด็กเคนเห็น) นอกเหนือจากใบหน้าของแม่ของเธอ” เจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์กล่าว
ศาลรับฟังว่า หญิงคนดังกล่าวไม่ได้ขอความช่วยเหลือทางการแพทย์สำหรับอาการปากแหว่งเพดานโหว่ของเด็ก และไม่ได้ให้อาหารและน้ำแก่เธออย่างเพียงพอ เพียงป้อนอาหารให้ผ่านทางเข็มฉีดยา ซึ่งแถลงการณ์จากผู้ดูแลเด็กชั่วคราวระบุว่า "เห็นได้ชัดเจนมากว่าเด็กไม่รู้จักชื่อของตัวเองเมื่อเราเรียกเธอ"
ซิออน อาพ มิฮังเกล ผู้ฟ้องร้องกล่าวว่า “เธอถูกขังไว้ในลิ้นชักในห้องนอน ไม่ได้พาออกไปข้างนอก ไม่ได้เข้าสังคม และไม่มีปฏิสัมพันธ์กับใคร” เขากล่าวกับศาลว่าเด็กอายุระหว่าง 0 ถึง 10 เดือน เมื่อเธอถูกนำตัวเข้าโรงพยาบาลครั้งแรก และเด็กคนนี้มีภาวะทุพโภชนาการและขาดน้ำอย่างมาก
สตีเวน เอเวอเร็ตต์ ผู้พิพากษากิตติมศักดิ์แห่งเมืองเชสเตอร์ กล่าวว่า “ผลที่ตามมาสำหรับเด็กนั้นเลวร้ายอย่างยิ่ง ทั้งทางร่างกาย จิตใจ และสังคม” เขากล่าวด้วยว่าทารกน้อยเป็น “เด็กหญิงตัวน้อยที่ฉลาด ซึ่งตอนนี้อาจจะค่อยๆ ฟื้นคืนชีพจากสิ่งที่เกือบจะกลายเป็นความตายในห้องนั้น”
ในบทสัมภาษณ์ หญิงคนดังกล่าวบอกกับตำรวจว่า เธอไม่รู้ว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์ และรู้สึก “กลัวมาก” เมื่อเธอคลอดลูก เธอบอกว่าเด็กไม่ได้ถูกเก็บไว้ในลิ้นชักใต้เตียงตลอดเวลา และไม่เคยปิดลิ้นชักเลย แต่ในขณะเดียวกันก็บอกกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเด็ก “ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของครอบครัว”
เธอเล่าให้เจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์ฟังว่า เธอมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับพ่อของเด็ก และไม่ต้องการให้เขารู้เกี่ยวกับเธอ ผู้หญิงคนดังกล่าวสารภาพผิดในเดือนตุลาคมในข้อกล่าวหาทารุณกรรมเด็ก 4 กระทง ซึ่งสะท้อนถึงความล้มเหลวในการแสวงหาการรักษาทางการแพทย์ขั้นพื้นฐานสำหรับเด็ก การทอดทิ้ง การขาดสารอาหาร และการละเลยโดยทั่วไป
เรเชล เวิร์ธธิงตัน อัยการศาลฎีกาอาวุโส กล่าวว่า “เด็กคนนี้ไม่เคยมีของขวัญวันเกิด ของขวัญคริสต์มาส หรืออะไรก็ตามที่น่าจดจำเลยในช่วงนี้ เธอไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับพี่น้องคนไหนเลย เธอไม่รู้จักแสงแดดหรืออากาศบริสุทธิ์ และไม่ตอบสนองต่อชื่อของตัวเองเมื่อพบเธอครั้งแรก”
พร้อมเสริมว่า “แรงจูงใจเบื้องหลังพฤติกรรมของแม่ยังไม่ชัดเจน แต่นั่นไม่ใช่หน้าที่ของสำนักงานอัยการสูงสุด หน้าที่ของเราคือการนำผู้รับผิดชอบมาสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการไปแล้ว และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเหยื่อในคดีนี้จะฟื้นตัวเพียงพอที่จะใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ที่สุด”
อัลบั้มภาพ 4 ภาพ