หลายคนไม่รู้ "น้ำส้มสายชู" มีวันหมดอายุ บริษัทดังแนะอย่าทิ้ง ใช้ประโยชน์ต่อได้

หลายคนไม่รู้ "น้ำส้มสายชู" มีวันหมดอายุ บริษัทดังแนะอย่าทิ้ง ใช้ประโยชน์ต่อได้

หลายคนไม่รู้ "น้ำส้มสายชู" มีวันหมดอายุ บริษัทดังแนะอย่าทิ้ง ใช้ประโยชน์ต่อได้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หลายคนไม่รู้ "น้ำส้มสายชู" มีวันหมดอายุ บริษัทดังมาแนะนำเอง อย่าทิ้ง! เพราะนำไปใช้ประโยชน์เรื่องงานบ้านต่อได้

"น้ำส้มสายชู" เป็นเครื่องปรุงที่มีอายุการเก็บรักษายาวนาน และถึงแม้ว่าจะหมดอายุไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่สามารถใช้งานต่อได้ แต่อาจมีการเสื่อมคุณภาพ เช่น รสชาติที่ลดลง

อย่างไรก็ตาม หากเหลือน้ำส้มสายชูที่หมดอายุไปแล้วจำนวนมาก หลายคนอาจคิดว่าทิ้งไปคงเสียดาย

เว็บไซต์ grape Japan รายงานว่า ได้สอบถามวิธีการใช้น้ำส้มสายชูที่หมดอายุแล้วกับบริษัท Mizkan บริษัทผลิตน้ำส้มสายชูยี่ห้อดังของญี่ปุ่น เพื่อหาวิธีนำมาใช้ประโยชน์ต่อไป

ตามที่ Mizkan กล่าว น้ำส้มสายชูที่ไม่มีการเติมน้ำตาลหรือเกลือ สามารถใช้ในการฆ่าเชื้อที่เขียงและฟองน้ำในครัวได้

วิธีใช้น้ำส้มสายชูฆ่าเชื้อและทำความสะอาด "เขียง"

  • ล้างเขียงให้สะอาดด้วยน้ำยาล้างจาน แล้วล้างด้วยน้ำเปล่าให้สะอาด จากนั้นราดน้ำร้อนบนเขียง
  • นำผ้าแห้งมาวางบนเขียง แล้วราดน้ำส้มสายชูผสมลงไป (น้ำส้มสายชู 1/4 ถ้วย + เกลือ 1/2 ช้อนโต๊ะ + น้ำ 3/4 ถ้วย)
  • วางทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้อง นาน 1 ชั่วโมง แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

วิธีใช้น้ำส้มสายชูฆ่าเชื้อและทำความสะอาด "ฟองน้ำ"

  • ล้างฟองน้ำให้สะอาดด้วยน้ำยาล้างจาน จากนั้นล้างด้วยน้ำสะอาด
  • แช่ฟองน้ำในน้ำส้มสายชูผสมที่อุณหภูมิ 45 องศาเซลเซียสขึ้นไป (น้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ + เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ + น้ำร้อน 1 ถ้วย)
  • ถูฟองน้ำที่แช่อยู่ในน้ำส้วมสายชูเบาๆ
  • ทิ้งไว้ 15 นาที แล้วบิดฟองน้ำให้แห้ง

ทั้งนี้ วิธีการฆ่าเชื้อที่กล่าวมาข้างต้นไม่สามารถใช้กับน้ำส้มสายชูปรุงรสหรือน้ำส้มสายชูที่มีน้ำตาลและเกลือเติม ซึ่งเมื่อถึงวันหมดอายุและเริ่มเสื่อมคุณภาพแล้ว ก็ไม่สามารถใช้งานได้ และต้องทิ้งไปอย่างเดียว

สำหรับการเก็บรักษาน้ำส้มสายชู ควรทำตามคำแนะนำ ดังนี้

  • น้ำส้มสายชูที่ไม่มีน้ำตาลหรือเกลือ: สามารถเก็บที่อุณหภูมิห้องได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงการตั้งในที่ที่โดนแสงแดดโดยตรง และเก็บในที่ที่เย็นที่สุด หากเป็นช่วงอากาศร้อน แนะนำให้เก็บในตู้เย็น
  • น้ำส้มสายชูที่มีน้ำตาลหรือเกลือ: หลังจากเปิดแล้วควรเก็บในตู้เย็นเท่านั้น ไม่แนะนำให้เก็บที่อุณหภูมิห้อง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook