เนวิน ลั่นไม่อยากเห็น โกวิท ในสภาพเดียวกับ สมัคร

เนวิน ปลงขอปล่อยให้เป็นไปตามกรรม หลังมีกระแสถูกลอบสังหาร ลั่นไม่ขอรับตำแหน่งทางการเมือง อีกแล้วขณะไม่อยากเห็น พล.ต.อ.โกวิท ตกอยู่ในสภาพเดียกับ "สมัคร"

นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึง กรณีที่ตกเป็น 1 ในรายชื่อบุคคลสำคัญที่จะโดนลอบสังหารว่า ตนเพิ่งได้รับทราบข่าวจากสื่อมวลชน ซึ่งหลังจากนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ก็คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามกรรม ส่วนเรื่องของแผนปรองดองนั้น นายเนวิน กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ทั้งนี้ตนต้องขอดูที่การกระทำไม่ใช่เพียงคำพูดของคนใดคนหนึ่ง และส่วนกระแสข่าวการทาบทาม พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ขึ้นนั่งดำรงตำแหน่ง หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ว่าหากเป็นเช่นนั้นจริง ถือเป็นความโชคดีของพรรคเพื่อไทย เนื่องจาก พล.ต.อ.โกวิท นั้น ถือเป็นคนดีและมีความจงรักภักดี แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่า พล.ต.อ.โกวิท จะมีอำนาจในการตัดสินใจร่วมกับพรรคเ หมือนเช่นหัวหน้าพรรคคนอื่นๆ หรือไม่ ซึ่งตนไม่อยากให้ พล.ต.อ.โกวิท สิ้นสุดเส้นทางในการเมืองเหมือนเช่น นายสมัคร สุนทรเวช อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย อย่างไรก็ตาม นายเนวิน ยังกล่าวอีกว่า ในทางการเมืองนั้น หลังจากนี้ตนไม่ขอดำรงตำแหน่งใดๆ ทางการเมืองอีกต่อไปแล้ว

นอกจากนี้ นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย กล่าวอภิปรายในหัวข้อพรรคการเมืองไทย ในสถานการณ์ปัจจุบันและในอนาคต ที่สถาบันพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งจัดขึ้น โดย นายเนวิน ได้กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น ในสังคมขณะนี้ เชื่อว่าไม่มีใครผิดหรือถูกทั้งหมด ซึ่งต้องยอมรับความจริงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในบ้านเมือง ถือเป็นสถานการณ์พิเศษ โดยเฉพาะที่เห็นได้ชัดคือ ได้มีการนำสถาบันหลักของชาติ มาเป็นเงื่อนไขและประเด็นในการต่อสู้ทางการเมือง และมีการสร้างความแตกแยกของประชาชนเพื่อประโยชน์ของผู้นำและพรรคการเมือง ดังนั้นพรรคการเมืองทุกพรรคในขณะนี้ควรมีภารกิจหลัก คือ ปกป้องสถาบันสูงสุดของชาติและความปรองดองให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม โดยจะต้องเริ่มต้นจากทุกฝ่ายให้อภัยกัน ส่วนพรรคการเมืองก็จะต้องไม่ปล่อยให้คนที่มีทัศนคติที่ไม่ดีต่อสถาบันเบื้องสูง มีบทบาทและการนำในพรรค ส่วนเรื่องความปรองดองก็จะต้องนำคนที่มีความคิดและเงื่อนไขที่เป็นอุปสรรคต่อความปรองดอง ออกไปจากพรรคการเมืองให้หมด

ขณะที่ นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย กล่าวว่า เงื่อนไขการยุบพรรคเป็นสิ่งที่ทำให้พรรคการเมืองอ่อนแอ จึงได้เสนอแนวทางว่า พรรคการเมืองในอนาคตจะต้องสามารถตรวจสอบได้ และไม่ได้จัดตั้งขึ้นมา เพื่อเป็นเครื่องมือทางการเมือง