บุคคลในข่าวแห่งปี 2024 ไล่อ่านให้ถึงอันดับที่ 1 บอกเลยคนนี้ที่สุดแห่งปีจริงๆ

บุคคลในข่าวแห่งปี 2024 ไล่อ่านให้ถึงอันดับที่ 1 บอกเลยคนนี้ที่สุดแห่งปีจริงๆ

บุคคลในข่าวแห่งปี 2024 ไล่อ่านให้ถึงอันดับที่ 1 บอกเลยคนนี้ที่สุดแห่งปีจริงๆ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เผลอแป๊บเดียว ปี 2024 กำลังจะผ่านพ้นไปอีกปี เข้าสู่ช่วงเวลานับถอยหลัง ส่งท้ายปีเก่า เพื่อก้าวสู่ปีใหม่กันอีกแล้ว หากมองย้อนไปตลอดปีที่ผ่านมา ก็ต้องถือว่าปี 2024 เป็นปีที่เต็มไปด้วยเรื่องราวที่เข้มข้น และมีข่าวใหญ่ปรากฏขึ้นมาตามหน้าสื่อไม่เว้นแต่ละวัน และที่ร้อนแรงไม่แพ้ข่าว ก็คือ "บุคคลในข่าว" ที่หลายคนฉายแสง ส่องสว่างจ้า จนเป็นที่สนใจของสังคมในรอบปีที่ผ่านมา

และแน่นอนว่า เมื่อมาถึงช่วงเวลาแบบนี้ Sanook News ก็ได้รวบรวมเอาความ "ที่สุด" มาฝากเพื่อนๆ กันเป็นประจำเหมือนกับทุกปี วันนี้เราจะพาทุกคนไปดูกันว่า บุคคลในข่าวแห่งปี 2024 จะมีใครกันบ้าง

อันดับที่ 5 อาจารย์เบียร์ คนตื่นธรรม

เชื่อว่าหลายคนที่ติดตามโซเชียลมีเดีย จะต้องคุ้นหูกับชื่อ "คนตื่นธรรม" หรือได้เห็นคอนเทนต์สอนธรรมะของช่องนี้ผ่านหูผ่านตามกันมาบ้าง กับสไตล์การสอนธรรมะของ อาจารย์เบียร์ คนตื่นธรรม ที่มักตอบปัญหา ตอบคำถาม ของคนที่เข้ามาคอมเมนต์แบบ "ดุดันไม่เกรงใจใคร"

จากหนุ่ม นักการตลาด ผันตัวมาเป็นหมอดู จนเห็นทางธรรมว่าสิ่งที่ทำอยู่ ไม่ได้นำไปสู่หนทางแห่งการดับทุกข์ จึงหันมาศึกษาทางธรรมตามคำสอนของพระพุทธเจ้า เขาเปิดช่อง "คนตื่นธรรม" มาได้ประมาณ 1 ปี จนได้รับความนิยมจากคำสอนสไตล์ฮาร์ดคอร์ แสดงให้เห็นถึงสัจธรรมความจริง เข้าใจง่าย จุดเริ่มต้นที่ทำให้ อ.เบียร์ ได้รับความนิยม เห็นถึงความจริง เห็นสัจธรรม ตรงไปตรงมาด้วยภาษาชาวบ้าน ดุดัน ตามสไตล์ "ธรรมะไม่มีคำปลอบใจ" จนมีผู้ติดตามใน TikTok กว่า 1.7 ล้าน และมียอดคลิปส่วนใหญ่พุ่งหลักล้านวิว

อันดับที่ 4 ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด

หากเอ่ยชื่อ ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด เชื่อว่าทุกคนจะต้องร้องอ๋อทันที เพราะในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทนายคนดังคนนี้ปรากฏตัวตามหน้าสื่อในหลากหลายเรื่องราว จุดเริ่มต้นจากคดีที่สร้างชื่อให้เขา อย่างคดีหวย 30 ล้าน ระหว่างหมวดจรูญกับครูปรีชา นำไปสู่การถูกขนานนามว่าเป็นทนายประชาชน

พักหลังคนมักจะติดภาพทนายตั้ม ที่ใช้ชีวิตหรูหราฟู่ฟ่า ใช้ของแบรนด์เนมทั้งตัว รวมทั้งมีภาพไปเที่ยวต่างประเทศให้เห็นอยู่ตลอด จนเกิดคำถามว่า อะไรที่ทำให้ทนายตั้มร่ำรวยได้เกินหน้าเกินตาทนายคนอื่น

จุดพลิกผันชีวิตของทนายตั้มในปีที่ผ่านมา คือ ณ วันที่ไปออกรายการโหนกระแส ประกาศกลับมาคืนดีกับคู่ปรับสำคัญ อย่าง นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ หนึ่งในเรื่องราวที่ทนายตั้มถูกตั้งคำถามในวันนั้น ก็คือความร่ำรวยผิดปกติ ที่หนุ่มกรรชัยถามว่า ไปเอาเงินมาจากไหนเยอะแยะ คำตอบที่ได้คือ มีลูกความผู้มีอุปการะคุณ รักใคร่เอ็นดูถึงขนาดโอนเงินให้ 2 ล้านยูโร ด้วยความเสน่หา

ประเด็นนี้กลับกลายเป็นไฟลามทุ่ง เมื่อ "พี่อ้อย" เศรษฐินีชาวนครราชสีมา ผู้ไปทำธุรกิจกับสามีชาวฝรั่งเศส คนที่ถูกพาดพิงว่าให้เงินทนายตั้ม ออกมาแฉผ่าน นายสนธิ ลิ้มทองกุล ว่าแท้จริงแล้วทนายตั้มยักยอกเงินไป โดยอ้างว่าชักชวนมาลงทุนเปิดเว็บขายลอตเตอรี่ออนไลน์ แต่สุดท้ายก็ไม่มีอยู่จริง เรื่องราวของทนายตั้มกลายเป็นมหากาพย์คดีใหญ่ ที่สุดท้ายแล้วในที่สุด ทำให้ทั้งทนายตั้ม ภรรยา และคนใกล้ตัวอีกหลายคน ต้องเดินเข้าสู่เรือนจำ

อันดับที่ 3 นายกอิ๊งค์ แพทองธาร ชินวัตร

แม้จะมีชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยมาตั้งแต่เริ่ม แต่น้อยคนที่จะคิดว่าโชคชะตาของ ผู้หญิงที่ชื่อ แพทองธาร ชินวัตร จะพลิกผันได้ขึ้นมาเป็นผู้นำประเทศไทยได้เร็วขนาดนี้

แต่หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ด้วยข้อหาผิดจริยธรรมร้ายแรง ทำให้ชื่อของ นายกอิ๊งค์ แพทองธาร กลายมาเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 31 ของประเทศไทยได้ในที่สุด

หนึ่งในภาพจำที่ประชาชนได้เห็นตลอดช่วงเวลาหลายเดือนหลังขึ้นมารับตำแหน่งนายก ของคุณแม่ลูกสองคนนี้ ยังคงมีประเด็นที่เป็นที่ถกเถียงกันอีกมากมาย ทั้งในเรื่องลีลาการตอบคำถามต่อสื่อมวลชน รวมทั้งภาพซ้อนจากผู้เป็นพ่อ อย่างอดีตนายก ทักษิณ ชินวัตร ที่ดูจะสอดแทรกขึ้นมาอยู่เป็นระยะ ยิ่งทำให้ชื่อของ อิ๊งค์ แพทองธาร ปรากฏอยู่ในแสงไฟ อยู่ในความสนใจของผู้ติดตามข่าวอยู่ตลอดเวลา

อันดับที่ 2 บอสพอล วรัตน์พล แห่ง ดิ ไอคอน

ถ้าจะหยิบยกสักหนึ่งข่าวขึ้นมาให้เป็นข่าวใหญ่แห่งปี 2024 เชื่อว่าหลายคนจะต้องยกให้ข่าว "บริษัท ดิ ไอคอน" เป็นข่าวที่ยิ่งใหญ่ และเป็นข่าวมหากาพย์ประจำปีอย่างแน่นอน คนที่มีบทบาทสำคัญที่สุดในข่าวนี้ คงหนีไม่พ้น บอสพอล วรัตน์พล บิ๊กบอสใหญ่แห่งอาณาจักรดิไอคอน เพราะนับตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นมา บอสพอล ปรากฏตัวครั้งแรกในรายการโหนกระแส ยกมือไหว้หลังน้ำตาในรายการ พร้อมกับเอ่ยประโยคเด็ด "ผมไม่รู้ว่าผมสู้อยู่กับอะไร"

แต่สิ่งที่ทำให้บอสพอล แตกต่างจากคนอื่นๆที่ปรากฏอยู่ในข่าว ก็คือความเหนือชั้นในการต่อสู้ ที่ดูเหมือนจะมีการวางแผนไว้อย่างแยบยล และมีหลักฐานเด็ด งัดออกมาเอาผิดคนที่เกี่ยวข้องได้แบบไม่มีพัก ถึงแม้ปัจจุบันเจ้าตัวจะอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพก็ตาม ทั้งในเรื่องการซ่อนเครื่องอัดเสียง ไว้อัดเสียงบรรดานักตบทรัพย์มากมาย และแท็กติกในการสู้คดี ร่อนจดหมายออกมาจากในเรือนจำ ผ่านทางตัวแทนอย่างทนายความ

เชื่อได้ว่าหลายหลายคนที่ได้ติดตามข่าวของบอส พอล จะต้องเห็นด้วยกับประโยคที่เจ้าตัวเคยพูดเอาไว้ว่า "ผมจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง" เป็นจริงอย่างที่เขาพูดจริงๆ

อันดับที่ 1 หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย

หลังจากได้อ่านรายชื่อ ทุกอันดับที่ผ่านมา แต่ละคนก็ดูจะเป็นเบอร์ใหญ่ในหน้าข่าวไม่แพ้กัน แต่มีเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่เรียกได้ว่ามีบทบาท และมีอิทธิพลสำคัญต่อคนที่ติดตามข่าวมาตลอด และแทบทุกคนที่เรากล่าวมาข้าง ก็เคยผ่านการพูดคุย หรือไปนั่งร่วมรายการ กับคนๆ นี้มาแล้วทั้งสิ้น

แน่นอนว่าเรากำลังพูดถึงพิธีกรรายการข่าวคนสำคัญ อย่าง หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย หรือ "พี่หน่วง" หรือ "ครูกะปิ" ผู้ดำเนินรายการโหนกระแส ที่มีคนติดตามรายการเป็นประจำ และมักจะจุดประเด็นใหญ่ในสังคม ให้กลายเป็นที่สนใจของคนในหมู่มากมาแล้วหลายต่อหลายเคส

บทบาทของ หนุ่ม กรรชัย ในปีนี้ ไม่ใช่แค่เพียงเป็นผู้ดำเนินรายการ ที่มาตีแผ่ประเด็นในสังคมให้ประชาชนได้รับรู้เท่านั้น แต่เจ้าตัวเองก็ยังเข้าไปมีส่วนอีกหลายเคส อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ตั้งแต่กรณีวิวาทะ กับทนายความชื่อดัง ของกลุ่มเชื่อมจิต ที่มีการไปตะโกนท้าทายกันบน สน.ทองหล่อ จนเกิดภาพสุดคลาสสิก ที่หนุ่ม กรรชัย บอกว่าจะขอไปเดิรเข้าห้องน้ำในโรงพัก แต่เข้าไม่ได้ เพราะตำรวจพยายามกันเอาไว้ ไม่ให้คู่กรณีสองฝ่ายได้เจอกัน จนทำให้พี่หน่วงต้องไปฉี่ข้างกำแพง

มาถึงปลายปี ก็ยังมีกรณีใหญ่ ประเด็นที่ถูกแอบอ้างชื่อ หลังเจ้าตัวได้รับคลิปเสียง จากกรณีตบทรัพย์ ดิ ไอคอน ที่เป็นที่เปิดเผยในเวลาต่อมาว่าเป็นเสียงของศิลปินชื่อดัง "ฟิล์ม รัฐภูมิ" และ นักร้องเรียนหญิง "กฤษอนงค์" พูดคุยกับ "บอสปัน ดิ ไอคอน" อ้างว่าจะพาบอสพอลไปออกรายการโหนกระแส แต่ต้องจ่ายเงินเป็นจำนวน 20 ล้านบาท

ประเด็นนี้ทำเอา หนุ่ม กรรชัย ถึงกับเดือดกลางรายการ ประกาศลั่นจะเอาผิดให้ถึงที่สุด ที่ถูกนำชื่อไปแอบอ้าง และกระทำความผิดแบบนี้

ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่า ความร้อนแรงของ หนุ่ม กรรชัย รวมทั้งรายการโหนกระแส เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้คนไทยได้ติดตามข่าว อย่างถึงพริกถึงขิงมาตลอดปีที่ผ่านมา และยังไม่มีทีท่าว่าจะแผ่วความระอุลงแม้แต่น้อย

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook