ล้ำค่ากว่าเงิน! ขายวัวส่งหลานเรียน 20 ปีได้ของตอบแทน "ชิ้นใหญ่" จนแทบไม่เชื่อสายตา

ล้ำค่ากว่าเงิน! ขายวัวส่งหลานเรียน 20 ปีได้ของตอบแทน "ชิ้นใหญ่" จนแทบไม่เชื่อสายตา

ล้ำค่ากว่าเงิน! ขายวัวส่งหลานเรียน 20 ปีได้ของตอบแทน "ชิ้นใหญ่" จนแทบไม่เชื่อสายตา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 แทบไม่เชื่อสายตา เคยขายวัวให้หลานยืมเงิน 9,000 เรียนต่อมหาวิทยาลัย ผ่านมา 20 ปีได้ของตอบแทน ล้ำค่ากว่าเงิน!

ย้อนกลับไปในช่วงฤดูร้อนปี 1988 เป็นช่วงเวลาที่พิเศษมากสำหรับ "หลี่ เสี่ยวฉวน" ชายหนุ่มชาวจีนอายุ 18 ปีในตอนนั้น เขาเต็มไปด้วยความวิตกกังวลและความไม่แน่ใจ เพราะได้คะแนนต่ำจนไม่สามารถเข้ามหาวิทยาลัยที่ต้องการได้ อีกทั้งยังมาจากครอบครัวคนงานธรรมดาในมณฑลเหอหนาน และน้องสาวคนหนึ่งที่ยังเด็กอยู่

ตั้งแต่เด็กนายหลี่เป็นความภูมิใจของครอบครัว เพราะเขามักจะทำคะแนนได้ดีในการเรียนและได้รับรางวัลต่างๆ มากมาย แต่ความมั่นใจในตัวของเขากลับพังทลายเมื่อผลสอบมหาวิทยาลัยออกมาต่ำกว่าที่คาดไว้ถึง 50 คะแนน เมื่อเห็นลูกชายรู้สึกเศร้าใจ แม่แนะนำให้เขาทบทวนการเตรียมตัวสอบใหม่ในปีหน้า แต่เมื่อเขาถามกลับไปว่าในบ้านมีเงินเพียงพอที่จะให้เขาสอบใหม่หรือไม่ พ่อก็ส่ายหัวและบอกว่า "เงินออมมีแค่พอที่จะจ่ายค่าเรียนให้น้องสาวในปีนี้เท่านั้น"

หลังจากนั้น ครอบครัวจึงหารือกันให้นายหลี่ไปยืมเงินจากลุงของเขา ซึ่งลุงเปิดร้านซูเปอร์มาร์เก็ตเล็กๆ อยู่ในเมืองและมีชีวิตที่สะดวกสบาย ความหวังในการได้เรียนต่อจึงเริ่มกลับมาในใจอีกครั้ง และเขาก็ไม่อยากทำให้ครอบครัวผิดหวัง เช้าวันรุ่งขึ้นเขาจึงลองไปขอยืมเงิน 1,000 หยวน (ประมาณ 3,500 บาท) เพื่อใช้ในการเตรียมตัวสอบใหม่ แต่ลุงทำหน้าบึ้งและตะคอกว่า "จะสอบใหม่เหรอ? รู้ไหมตอนนี้การทำธุรกิจมันยากแค่ไหน? ไปคิดให้ดีเสียก่อน อย่าคิดแต่เรื่องเรียน ทำงานก็ไม่เลวนะ"

สองวันหลังจากนั้นนายหลี่เอาแต่นอนอยู่บนเตียง ไม่อยากออกไปไหนเพราะคิดว่าความฝันในการเข้ามหาวิทยาลัยของเขาถึงจุดจบแล้ว ทันใดนั้นเสียงคุ้นเคยก็ดังขึ้นที่บ้าน เป็นเสียงของคุณอาคนหนึ่ง ซึ่งญาติห่างๆ ของเขา พ่อแม่เรียกนายหลี่ไปนั่งข้างๆ และพูดว่า "บอกกับอานะ ว่าจริงๆ แล้วหนูอยากจะสอบใหม่ไหม?" เขาจึงงยหน้าขึ้นมาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและตอบว่า "หนูอยากจะสอบใหม่ หนูจะเข้ามหาวิทยาลัยที่ดีให้ได้"

เมื่อได้ยินคำนี้ อาก็หันไปพูดกับพ่อแม่ของเขาว่า "พี่ไม่ต้องห่วง ให้เรื่องการเรียนของหลานเป็นหน้าที่ของฉัน" จากนั้นเธอก็หยิบซองอันหนึ่งออกมาจากกระเป๋าและยัดใส่มือ "ในนี้มีเงิน 2,000 หยวน (ประมาณ 7,100 บาท) พอที่จะให้หลานสอบใหม่ได้" นายหลี่รับซองนั้นมาแล้วร้องไห้ออกมา เขาคุกเข่าลงต่อหน้าอาและพูดว่า "ขอบคุณอา หนูจะตั้งใจขยันเรียนให้มากที่สุด"

เพียงไม่กี่วันหลังจากนั้น เมื่อได้พบกับสามีของอาก็เพิ่งรู้ว่าเพื่อให้ได้เงินสำหรับการสอบใหม่ของเขา อาและสามีต้องขายวัวตัวเดียวที่พวกเขามี นอกจากนี้ เขายังได้รู้ว่าอาเคยสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ติด แม้ว่าหลังจากทบทวนและสอบใหม่อีกครั้ง แต่ก็ไม่สามารถเข้ามหาวิทยาลัยที่หวังได้ แต่เธอก็ไม่เคยเสียใจที่ได้เลือกทำเช่นนั้น ดังนั้นเมื่อรู้เรื่องราวของหลานคนนี้ จึงตัดสินใจว่าจะช่วยเขาให้สมหวังในความฝันที่เธอเคยทำไม่สำเร็จ

ตั้งแต่วันนั้น นายหลี่ราวกับกลายเป็นคนละคน ทุกวันเขาจะตื่นเช้าและนอนดึกเพื่อเรียนหนังสือ จนกระทั่งฤดูร้อนปี 1989 ครอบครัวต่างก็มีความสุขเมื่อได้รับข่าวว่าเขาสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ และก่อนวันที่ที่เขาจะเดินทางเข้าไปเมืองเพื่อเข้าเรียนต่อ ได้จับมือของผู้มีพระคุณและกล่าวสัญญาว่า "อา เมื่อไหร่ที่หนูเรียนจบมหาวิทยาลัย หนูจะตอบแทนอา”

"ของขวัญ" จากหลานชายที่ไม่เคยลืมพระคุณอา

สี่ปีในมหาวิทยาลัยผ่านไป นายหลี่เรียนจบและได้งานที่ดีในกรุงปักกิ่ง ภายใน 20 ปี จากตำแหน่งพนักงานธรรมดา ก็ได้เป็นผู้อำนวยการของบริษัทใหญ่ ความสำเร็จนี้เกิดจากความพยายามและความขยันหมั่นเพียรทำงานอย่างไม่หยุดพัก พร้อมกับความคาดหวังที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของตนเอง ทุกครั้งที่กลับบ้านเกิด เขาจะไปเยี่ยมบ้านคุณอา ไม่ลืมกล่าวขอบคุณและมอบของขวัญเพื่อแสดงความรักและความเคารพ และเมื่อหลานชายคนโตของอาไปทำงานที่กรุงปักกิ่ง เขาก็ช่วยหาที่พักและงานดีๆ ให้ด้วย

จนกระทั่งปี 2010 เมื่อเขากลับบ้านเกิดไปเยี่ยมคุณอา พบว่าอีกฝ่ายยังคงอาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็กๆ ที่ปลายหมู่บ้าน เขารู้สึกเห็นใจและตัดสินใจใช้เงิน 2 ล้านหยวน (ประมาณ 7 ล้านบาท) เพื่อสร้างบ้าน 4 ชั้นให้เป็นของขวัญ ในตอนแรกอาปฏิเสธที่จะรับไว้อย่างเด็ดขาด แต่เมื่อหลานชายโน้มน้าวใจซ้ำๆ ในที่สุดเธอก็ใจอ่อนยอมรับของขวัญตอบแทนนี้

“อา ถ้าอาไม่ช่วยเหลือในตอนนั้น ครอบครัวของหนูก็คงไม่มีวันนี้ ขอบคุณอา ทำให้หนูได้ออกไปเห็นโลกและได้พบปะกับผู้คนมากมาย แต่แม้หลังจากที่พบคนมากมาย หนูก็ยังคงรู้สึกขอบคุณที่อาให้ความช่วยเหลือในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด” หลานชายกล่าวในขณะที่กุมมืออาของเขาไว้

เรื่องราวของหลี่เสี่ยวฉวนแสดงให้เห็นว่า เราอาจไม่รู้เลยว่าเงินที่ใช้ช่วยเหลือผู้อื่นในช่วงเวลาที่ลำบากนั้น จะสามารถช่วยชีวิตใครสักคนได้อย่างไรและมากเพียงไหน อย่างไรก็ดี เมื่อเราใช้ชีวิตอย่างดีและมีน้ำใจต่อโลก วันหนึ่งในอนาคตเราก็จะได้รับความรักและของขวัญตอบแทนที่เหมาะสมเช่นกัน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook