2 วิธีการกินผลไม้ที่อาจ "เปิดทาง" ให้มะเร็ง หลายคนกินอย่างสบายใจโดยไม่รู้ตัว
ทำอยู่หรือเปล่า? เปิด 2 พฤติกรรมการกินผลไม้ ที่อาจ "เปิดทาง" ให้มะเร็ง หลายคนกินผลไม้อย่างสบายใจโดยไม่รู้ตัว
พฤติกรรมการกินมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสุขภาพ รวมถึงความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งหากกินผิดวิธี
การบริโภคผักและผลไม้สดในปริมาณมากเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตที่ดีต่อสุขภาพ แต่หากกินผลไม้แบบผิดวิธี อาจเผลอทำลายสุขภาพ และกระตุ้นการเติบโตของเซลล์มะเร็ง เช่น มะเร็งตับ มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งไต
- ประหยัดด้วยการกินผลไม้ที่มีรอยเน่าเสีย
เมื่อเห็นผลไม้บางส่วนเปลี่ยนเป็นสีดำ เน่า หรืออ่อนนิ่ม คุณเคยเสียดายและตัดเฉพาะส่วนที่เน่าออก แล้วกินส่วนที่ยังดูดีหรือไม่?
ตามข้อมูลจาก Health Sina เมื่อผลไม้เริ่มเน่าเสีย แบคทีเรียและเชื้อราเริ่มแพร่กระจายและซึมลึกเข้าสู่ส่วนที่ดูเหมือนยังไม่เสีย พร้อมปล่อยสารพิษจากเชื้อรา ซึ่งสามารถทำลายตับ ไต และลดประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกัน เช่น อะฟลาทอกซิน (Aflatoxin) และ พาทูลิน (Patulin)
อะฟลาทอกซิน ได้รับการจัดอันดับจาก WHO ว่าเป็นสารก่อมะเร็งระดับ 1 การได้รับสารนี้ทางปากแม้เพียง 1 มิลลิกรัม อาจทำให้เกิดมะเร็งตับ มะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งไตได้
พาทูลิน เป็นสารพิษจากเชื้อราอีกชนิดที่พบในแอปเปิลหรือเครื่องดื่มจากแอปเปิลที่มีรอยเน่าเสีย โดยเกิดจากเชื้อราในกลุ่ม Aspergillus, Penicillium, และ Byssochlamys
อาการเบื้องต้นจากการได้รับพาทูลิน ได้แก่ วิงเวียนศีรษะ ปวดหัว คลื่นไส้ อาเจียน ท้องอืด หากได้รับในปริมาณมาก อาจเกิดอาการชัก หมดสติ และอันตรายถึงชีวิต แม้พาทูลินจะยังไม่ได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์โดยตรง แต่ได้รับการยืนยันว่าเป็นสารที่เป็นอันตรายต่อพันธุกรรม (Genotoxic)
2. ไม่ล้างผลไม้ให้สะอาดก่อนรับประทาน
ผลไม้อาจปนเปื้อนสารเคมี เช่น ยาฆ่าแมลง หรือแบคทีเรียต่าง ๆ ระหว่างการปลูก เก็บเกี่ยว หรือขนส่ง เช่น โนโรไวรัส (Norovirus), ซาลโมเนลลา (Salmonella), ลิสเทอเรีย (Listeria) และ ไซโคลสปอรา (Cyclospora) รวมถึงพยาธิ เช่น พยาธิเข็มหมุด พยาธิปากขอ หรือพยาธิใบไม้ในตับ หากร่างกายได้รับเชื้อเหล่านี้เข้าไป อาจก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงต่อสุขภาพ
ดังนั้นการล้างผลไม้ให้สะอาดก่อนรับประทานจึงเป็นสิ่งจำเป็น ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) แนะนำให้ล้างผลไม้ด้วยน้ำสะอาดหลาย ๆ ครั้ง เพื่อกำจัดสิ่งสกปรกและสารตกค้างบนเปลือก สำหรับผลไม้ที่มีเปลือกหนา เช่น แอปเปิล หรือสาลี่ ควรปอกเปลือกก่อนรับประทาน นอกจากนี้ คุณยังสามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผลไม้และผักโดยเฉพาะ เพื่อช่วยทำความสะอาดและฆ่าเชื้อได้ดียิ่งขึ้น
นอกจากนี้ หากต้องการหลีกเลี่ยงการบริโภคสารตกค้างจากยาฆ่าแมลงในปริมาณมาก ควรเลือกซื้อและรับประทานผลไม้และผักสดตามฤดูกาล เพราะไม่จำเป็นต้องเก็บรักษานานและมักใช้ยาฆ่าแมลงน้อยกว่า
สุดท้ายแม้ว่าการรับประทานผลไม้จะดีต่อสุขภาพ แต่ไม่ควรรับประทานในปริมาณมากเกินไป เพราะอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงต่อสุขภาพได้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือชอบรับประทานผลไม้ที่มีน้ำตาลสูง ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเมตาบอลิก เช่น โรคอ้วนหรือเบาหวาน นอกจากนี้ การรับประทานผลไม้ที่มีกรดสูงในปริมาณมากยังอาจทำให้เยื่อบุทางเดินอาหารระคายเคือง และหากสะสมเป็นเวลานานอาจก่อให้เกิดโรคได้
คำแนะนำทั่วไปคือ ควรบริโภคผลไม้และผักอย่างน้อย 400 กรัมต่อวัน หรือประมาณ 5 ส่วน (80 กรัมต่อส่วน) โดยแต่ละส่วนเทียบเท่ากับผลไม้ขนาดเล็กหนึ่งลูกที่มีขนาดประมาณลูกเทนนิส