หญิงวัย 54 จู่ๆ วูบกลางซูเปอร์ฯ หมอหัวร้อน เมื่อรู้ว่ากินอะไรทุกวัน ตลอด 6 เดือน
หญิงวัย 54 จู่ๆ วูบกลางซูเปอร์มาร์เก็ต หมอถึงกับหัวร้อน เมื่อรู้ว่ากินอะไรทุกวันมาตลอด 6 เดือน ดีต่อสุขภาพจริง แต่มากไปก็อันตราย
เว็บไซต์ Sohu เผยแพร่เรื่องราวของ หลี่หงเหมย หญิงวัย 54 ปี โดยในวันหนาวเย็นวันหนึ่ง ขณะหลี่หงเหมยกำลังซื้อของในซูเปอร์มาร์เก็ต จู่ๆ เธอก็รู้สึกเวียนศีรษะอย่างรุนแรง มองเห็นไม่ชัด และทรงตัวแทบไม่ได้ เธอพยายามยึดชั้นวางสินค้าไว้สุดแรง แต่ร่างกายยังโงนเงนแทบล้ม พนักงานและลูกค้าในซูเปอร์มาร์เก็ตที่เห็นเหตุการณ์ รีบเข้ามาพยุงเธอไปยังพื้นที่พักใกล้ๆ
หลี่หงเหมยจับหน้าผากหอบหายใจด้วยความอ่อนล้า ความสับสนถาโถมในใจเธอ หลังจากนั้นไม่กี่นาที อาการเริ่มดีขึ้นเล็กน้อย แต่ยังรู้สึกเวียนศีรษะและเสียการทรงตัวอยู่ พนักงานจึงรีบโทรแจ้งรถพยาบาล และหลี่หงเหมยถูกนำตัวส่งห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลใกล้เคียง
ในห้องฉุกเฉิน แพทย์ได้ทำการตรวจอย่างละเอียด ทั้งวัดความดันโลหิต ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ และวัดระดับน้ำตาลในเลือด ผลตรวจพบว่าระดับน้ำตาลในเลือดของหลี่หงเหมยสูงเกินมาตรฐาน และระดับคอเลสเตอรอลก็ผิดปกติ
สิ่งที่ทำให้แพทย์ประหลาดใจยิ่งกว่าคือ แม้น้ำหนักตัวของหลี่หงเหมยจะไม่ได้เพิ่มขึ้นมาก แต่ไขมันบริเวณหน้าท้องกลับสะสมมากผิดปกติ เมื่อแพทย์ซักถามเรื่องอาหารที่เธอรับประทาน หลี่หงเหมยยอมรับว่าในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา เธอกิน "มันเทศ" ในปริมาณมากแทบทุกวัน
เธอบอกกับแพทย์ว่า มันเทศอุดมไปด้วยสารอาหาร เป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่ทำให้เธอรู้สึกอิ่มและพอใจ ดังนั้นมันเทศจึงกลายเป็นอาหารประจำโต๊ะของเธอทุกวัน
เมื่อแพทย์ได้ยินถึงกับตกใจและพูดว่า "คุณกินแบบนี้ได้ยังไง! คุณรู้ไหมว่ามันเทศแม้จะดูเหมือนเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ แต่ถ้ากินมากเกินไปจะเป็นอันตรายต่อร่างกาย!" หลี่หงเหมยรู้สึกงุนงงและไม่เข้าใจว่าแพทย์ทำไมถึงโกรธขนาดนี้
มันเทศเป็นวัตถุดิบที่พบได้บ่อย และหลายคนมองว่าเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ เพราะมันมีเส้นใยอาหาร วิตามิน A วิตามิน C และแร่ธาตุอย่างโพแทสเซียม ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย จึงมักเห็นมันเทศอยู่บนโต๊ะอาหารของหลายคน
ลักษณะของมันเทศที่มีไขมันต่ำและแคลอรี่ต่ำ ทำให้มันกลายเป็นอาหารยอดนิยมในเมนูควบคุมน้ำหนัก
หลายคนเชื่อว่า มันเทศเป็น "อาหารลดน้ำหนักธรรมชาติ" ที่ช่วยรักษารูปร่าง ช่วยในการรักษาอาการท้องผูก ลดน้ำตาลในเลือด และป้องกันมะเร็ง
อย่างไรก็ตาม สารอาหารในมันเทศที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพนั้น หากบริโภคในปริมาณที่มากเกินไป อาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพหลายอย่างตามมา
เส้นใยอาหารในมันเทศช่วยกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้และป้องกันอาการท้องผูก แต่หากรับประทานเส้นใยมากเกินไป อาจทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานหนักเกินไป ส่งผลให้เกิดอาการไม่สบายท้องหรือท้องอืด
โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีระบบย่อยอาหารอ่อนแอ การรับประทานมันเทศในปริมาณมากอาจทำให้เกิดปัญหาท้องอืด หรือท้องเสียได้
นอกจากนี้ ปริมาณน้ำตาลในมันเทศก็ไม่ควรมองข้าม แม้ว่ามันเทศจะมีน้ำตาลน้อยกว่าข้าวขาวหรือแป้งขาว แต่ก็ยังจัดเป็นอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูง การรับประทานมากเกินไปอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น
ผลการตรวจของหลี่หงเหมยพบว่า การรับประทานมันเทศในปริมาณมากเป็นเวลานาน ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดของเธอสูงขึ้น แม้ว่าน้ำตาลในมันเทศจะเป็นน้ำตาลประเภทซับซ้อน แต่หากรับประทานในปริมาณมากเกินไป ก็ยังอาจทำให้เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน และส่งผลกระทบต่อความเสถียรของระดับน้ำตาลในเลือด
ระดับน้ำตาลในเลือดของหลี่หงเหมยสูงเกินไป ทำให้แพทย์เป็นห่วงอย่างยิ่ง แพทย์อธิบายว่า การรับประทานมันเทศหรืออาหารที่มีน้ำตาลสูงมากเกินไป แม้จะไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเหมือนน้ำตาลทรายขาว แต่ก็จะค่อยๆ เพิ่มภาระให้กับอินซูลิน และหากทำเช่นนี้เป็นเวลานาน อาจนำไปสู่ภาวะดื้อต่ออินซูลิน และอาจพัฒนาเป็นโรคเบาหวานในที่สุด
จริงๆ แล้ว การเกิดโรคเบาหวานไม่ได้เกิดขึ้นทันที แต่เป็นผลสะสมจากนิสัยการกินที่ไม่ดีในระยะยาว
แพทย์แนะนำหลี่หงเหมยว่า เธอควรปรับเปลี่ยนโครงสร้างการรับประทานอาหาร ไม่ควรพึ่งพามันเทศเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมีการทานอาหารอื่นๆ ให้สมดุล และหลีกเลี่ยงการรับประทานคาร์โบไฮเดรตในปริมาณมากเกินไป
จากการศึกษาของสถาบันการแพทย์จีนพบว่า การรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลซับซ้อนมากเกินไป เช่น มันเทศหรือมันฝรั่ง มีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวาน
การวิจัยชี้ให้เห็นว่า การรับประทานมันเทศมากกว่า 300 กรัมต่อวัน จะทำให้การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดผิดปกติ และหากทำเช่นนี้เป็นเวลานาน จะเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวานถึง 20%
หลี่หงเหมยรับประทานมันเทศในปริมาณที่มากเกินกว่าข้อแนะนำของการทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดของเธอสูงขึ้น และเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวาน
นอกจากน้ำตาลแล้ว ระดับคอเลสเตอรอลของหลี่หงเหมยก็เป็นเรื่องที่น่ากังวล แม้มันเทศจะมีเส้นใยอาหารสูง แต่ก็ไม่ได้เป็นอาหารที่มีไขมันต่ำ
โดยเฉพาะมันเทศที่ผ่านการแปรรูป เช่น มันเทศแห้ง หรือขนมมันเทศ ซึ่งมีน้ำตาลและไขมันสูงกว่ามันเทศสด
การรับประทานมันเทศแปรรูปเหล่านี้ในปริมาณมาก อาจทำให้การบริโภคไขมันสูงเกินไป ส่งผลให้เกิดภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ และเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ
ระดับคอเลสเตอรอลของหลี่หงเหมยสูงเนื่องจากเธอพึ่งพามันเทศมากเกินไป ซึ่งทำให้เกิดการสะสมของไขมันในเลือดที่ผิดปกติ
แพทย์ชี้ว่า แม้มันเทศจะเป็นอาหารที่มีไขมันต่ำและสามารถใช้เป็นอาหารหลักแทนข้าวได้ แต่หากรับประทานมากเกินไป โดยเฉพาะเมื่อรับประทานร่วมกับอาหารที่มีไขมันสูง ก็อาจทำให้ระดับคอเลสเตอรอลในเลือดผิดปกติ
ดังนั้นการรับประทานมันเทศในปริมาณที่พอเหมาะจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะการรับประทานมากเกินไปอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
แล้วเราควรทานมันเทศอย่างไรให้ถูกวิธี?
แพทย์ของหลี่หงเหมยให้คำแนะนำว่า ก่อนอื่นมันเทศเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ สามารถทานได้ในปริมาณที่พอเหมาะ แต่ไม่ควรทานมากเกินไป
การทานมันเทศในแต่ละครั้งไม่ควรเกิน 200 กรัม เพื่อให้ได้รับคุณค่าทางโภชนาการโดยไม่เพิ่มภาระให้กับร่างกาย นอกจากนี้ ควรเลือกวิธีการทำมันเทศแบบนึ่งหรือต้ม หลีกเลี่ยงการทอดหรือทานกับน้ำตาลในปริมาณมาก
อีกทั้งเมื่อรับประทานมันเทศ ควรทานควบคู่กับอาหารอื่นๆ เช่น ผักหรืออาหารที่มีโปรตีน เพื่อให้ได้สารอาหารที่สมดุลและหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากการทานอาหารแบบเดี่ยว
แพทย์ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของความหลากหลายในการทานอาหารว่า อาหารแต่ละชนิดไม่สามารถตอบสนองความต้องการทั้งหมดได้ การพึ่งพาอาหารชนิดเดียวอาจทำให้เกิดการขาดสารอาหารและนำไปสู่ปัญหาสุขภาพ
หลี่หงเหมยทานมันเทศในปริมาณมากทุกวัน แม้จะได้รับเส้นใยอาหารและวิตามินบางชนิด แต่กลับละเลยการรับประทานโปรตีน ไขมัน และสารอาหารอื่นๆ ที่จำเป็น
ดังนั้นแพทย์แนะนำให้เธอมีความหลากหลายในการทานอาหารมากขึ้น เพิ่มโปรตีนและไขมันที่ดีต่อสุขภาพ เช่น ปลา เนื้อไม่ติดมัน และถั่วต่างๆ
นอกจากการปรับเปลี่ยนการทานอาหารแล้ว หลี่หงเหมยยังต้องปรับเปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิตด้วย การขาดการออกกำลังกายมาเป็นเวลานานถือเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้เธอควบคุมน้ำหนักไม่ได้และมีไขมันสะสมเพิ่มขึ้น
แพทย์แนะนำให้หลี่หงเหมยเพิ่มการเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวัน เช่น การเดินเล่น ว่ายน้ำ หรือทำโยคะ ซึ่งสามารถช่วยให้เธอรักษาน้ำหนักที่ดีต่อสุขภาพ กระตุ้นการเผาผลาญ และปรับปรุงระดับน้ำตาลในเลือด
หลี่หงเหมยได้รับคำแนะนำมากมายเกี่ยวกับการทานอาหารและพฤติกรรมการใช้ชีวิตจากแพทย์ และรู้สึกได้รับประโยชน์มาก เธอเข้าใจแล้วว่ามันเทศถึงแม้จะดีต่อสุขภาพ แต่ก็ไม่ควรทานมากเกินไป การทานอาหารอย่างสมดุลเท่านั้นที่จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง