หญิงวัย 50 เป็นมะเร็งตับอ่อน กว่าจะรู้ตัวก้อนใหญ่ 4 ซม. ยอมรับชอบกินแต่ "เนื้อ" ชนิดนี้ทุกวัน

หญิงวัย 50 เป็นมะเร็งตับอ่อน กว่าจะรู้ตัวก้อนใหญ่ 4 ซม. ยอมรับชอบกินแต่ "เนื้อ" ชนิดนี้ทุกวัน

หญิงวัย 50 เป็นมะเร็งตับอ่อน กว่าจะรู้ตัวก้อนใหญ่ 4 ซม. ยอมรับชอบกินแต่ "เนื้อ" ชนิดนี้ทุกวัน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หญิงวัย 50 เป็นมะเร็งตับอ่อน กว่าจะรู้ตัวก้อนใหญ่ 4 ซม. ซักประวัติบอกวันๆ ชอบกินแต่ "เนื้อ" ชนิดนี้ 

ดร. หลิน เซียงหง ผู้อำนวยการคลินิกสุขภาพ Hexin Civil Health Management ในไต้หวัน ได้แชร์กรณีนี้บนโซเชียลมีเดีย โดยระบุว่า ผู้หญิงอายุ 50 ปีรายหนึ่งที่ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ ไม่มีโรคเรื้อรัง หรือประวัติครอบครัวเกี่ยวกับโรคมะเร็ง อย่างไรก็ตาม เธอรู้สึกไม่สบายตัวและมีอาการตึงบริเวณร่างกายส่วนบน โดยเฉพาะบริเวณท้องส่วนบนในช่วงที่ผ่านมา และน้ำหนักลดลงถึง 9 กิโลกรัมอย่างฉับพลัน

ผลเบื้องต้นจากการส่องกล้องกระเพาะอาหารของเธอพบว่า กระเพาะอาหาร "มีรอยฉีกขาดเล็กน้อย" แต่ปัญหาที่ร้ายแรงกว่าคือผลการตรวจด้วยอัลตราซาวด์และซีทีสแกนแสดงให้เห็นว่ามีเงายาว 4 ซม. บริเวณตับอ่อนของเธอ ซึ่งสงสัยว่าเป็นมะเร็งตับอ่อน

ค่าดัชนีเนื้องอก CA19-9 ของเธออยู่ที่มากกว่า 200 ซึ่งสูงกว่าค่าปกติถึง 7 เท่า หมายความว่าเธออยู่ในระยะกลางถึงระยะปลายของมะเร็งตับอ่อน และเนื่องจากเนื้องอกมีขนาดใหญ่และอยู่ใกล้เส้นเลือด การผ่าตัดจึงไม่ใช่ทางเลือกในขณะนี้ เธอจึงต้องเริ่มการทำเคมีบำบัดก่อน โดยหวังว่าเนื้องอกจะหดตัวลง

ดร. หลิน เซียงหง ระบุเพิ่มเติมว่า เนื้องอกนี้อาจเกิดขึ้นมาตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่เธอได้รับการตรวจสุขภาพขั้นพื้นฐานเท่านั้นโดยไม่มีการตรวจลึก จึงไม่พบความผิดปกติในตอนนั้น หากเธอได้รับการตรวจอัลตราซาวด์ตับอ่อนอย่างละเอียดและการตรวจคัดกรองมะเร็งตับอ่อนที่แม่นยำ อาจตรวจพบโรคในระยะเริ่มต้นได้

เป็นที่ทราบกันว่าหากตรวจพบมะเร็งตับอ่อนในระยะแรกและได้รับการผ่าตัด อัตราการรอดชีวิต 5 ปีสามารถเพิ่มขึ้นได้ถึง 80%

สำหรับสาเหตุที่เธอไม่ได้สูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์ ไม่มีโรคเรื้อรัง หรือประวัติครอบครัวเกี่ยวกับโรคมะเร็ง แต่ยังเป็นมะเร็งตับอ่อน ดร. หลิน เชื่อว่าสาเหตุมาจากการที่เธอขาดการออกกำลังกายและชอบรับประทานเนื้อสัตว์เป็นพิเศษ เธอรับประทานมากเกินไปและเกือบจะบริโภคเนื้อแดงและเนื้อแปรรูปเพียงอย่างเดียวในอาหารประจำวัน

เนื้อแดงถูกจัดประเภทโดยองค์การอนามัยโลก (WHO) ว่าอาจก่อมะเร็งในมนุษย์ (กลุ่ม 2A) งานวิจัยแสดงว่าการบริโภคเนื้อแดง 76 กรัมต่อวันเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งลำไส้ใหญ่ถึง 20% เมื่อเทียบกับการบริโภคเพียง 21 กรัมต่อวัน

สารเคมีอันตรายในเนื้อแดง เช่น ฮีม (haem) ซึ่งเป็นรงควัตถุสีแดงในเนื้อแดง สามารถทำลายเซลล์และกระตุ้นให้แบคทีเรียในร่างกายสร้างสารพิษที่ก่อให้เกิดมะเร็งได้ ดังนั้น ไม่ควรบริโภคเนื้อแดงเกิน 70 กรัมต่อวัน

ในขณะเดียวกัน เนื้อแปรรูป เช่น ไส้กรอก เนื้อวัวแห้ง ซาลามี่ แฮม... ถูกจัดประเภทว่าก่อมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งตับอ่อน และมะเร็งต่อมลูกหมาก การลดการบริโภคเนื้อแปรรูปสามารถช่วยลดปริมาณสารก่อมะเร็งและไขมันอิ่มตัวที่ได้รับเข้าสู่ร่างกายได้โดยตรง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook