สาวหดหู่ แม่บ้านใกล้สิ้นใจ จู่ๆ จับมือเล่า "อดีตอันเป็นความลับ" ต้นเหตุที่ทำให้หลังค่อม

สาวหดหู่ แม่บ้านใกล้สิ้นใจ จู่ๆ จับมือเล่า "อดีตอันเป็นความลับ" ต้นเหตุที่ทำให้หลังค่อม

สาวหดหู่ แม่บ้านใกล้สิ้นใจ จู่ๆ จับมือเล่า "อดีตอันเป็นความลับ" ต้นเหตุที่ทำให้หลังค่อม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แค่ฟังยังจุกอก แม่บ้านใกล้สิ้นใจ จู่ๆ จับมือลูกสาวเจ้าของบ้าน ขอบอกเล่าเรื่องหดหู่ "อดีตอันเป็นความลับ" ฝันร้ายต้นเหตุที่ทำให้หลังค่อม-สูญเสียฟันในปาก

เบื้องหลังชีวิตของ “ลี เมทอยเยอร์” แม่บ้านที่เป็นที่รักของครอบครัวคริลิชนั้น ซึ่งมาถึงที่หน้าประตูบ้านขนาดใหญ่ในเมืองแบร์ริงตัน รัฐอิลลินอยส์ เมื่อเกือบสามทศวรรษที่แล้ว  แต่ชีวิตของเธอก่อนหน้านั้นกลับเต็มไปด้วยความลับที่ไม่เคยมีใครรู้กระทั่งช่วงช่วงสุดท้ายของชีวิตเธอจึงเป็นฝ่ายขอให้ช่วยบอกเล่าออกสู่โลก

ทำไมเธอจึงสวมฟันปลอมทั้งปาก แล้วเหตุใดจึงหลังค่อม และเดินอย่างเชื่องช้าไม่มั่นคง สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไรพวกเขาไม่เคยถาม นับตั้งแต่จำความได้ ลูกๆ ของครอบครัวคริลิช มักถูกห้ามไม่ให้ถามคำถามเกี่ยวกับอดีตของแม่บ้านคนนี้ เพราะกลัวว่าจะทำให้เธอหนีไปหรือทำให้เธอรู้สึกไม่ดี เมื่อเวลาผ่านไปเมื่อครอบครัวคริลิชมีเพียงแต่รักแม่บ้านคนนี้มากขึ้น คำตอบเหล่านั้นก็เริ่มกลายเป็นเรื่องไม่สำคัญอีกต่อไป

แต่แน่นอนว่าพวกเขาก็สามารถเก็บข้อมูลบางส่วนมาได้ตามกาลเวลา รู้ว่าเธอมาที่บ้านหลังนี้หลังจากเกิดเหตุการณ์โศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ ลูกชายและสามีของเธอเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ครั้งร้ายแรง ลียังคงโศกเศร้าและใช้เวลานานในการฟื้นตัวจากการสูญเสียครั้งนั้น เธอเก็บรูปถ่ายที่เธอรักของพวกเขาไว้ข้างเตียงจนกระทั่งวันที่เธอเสียชีวิต

ลีเคยบอกเป็นนัยบ้างครั้งว่าเธอมีเรื่องจะเล่า กระทั่งในตอนที่เธอกำลังจะสิ้นใจ ขณะอายุ 72 ปี แม่บ้านที่เป็นที่รักของครอบครัวคริลิชนั้น ถือเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้พวกเขาไม่สามารถจินตนาการถึงโลกที่ไม่มีเธออยู่ได้ ในตอนนั้นเธอกุมมือของ “แซนดร้า” ลูกสาวคนหนึ่งครอบครัวคริลิช และขอร้องให้เธอเล่าเรื่องราวชีวิตของเธอแทน เธอก็ไม่เคยเขียนบันทึกมันลงบนกระดาษ

อย่างไรก็ดี หลังจากได้ฟังเรื่องราวขมขื่นนั้น แซนดร้าก็ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน รอจนเวลาล่วงเลยมาอีก 23 ปี กว่าที่เธอจะสามารถทำตามคำขอสุดท้ายของลี และเปิดเผยอดีตที่น่าหวาดกลัวของเธอผ่านทางหนังสือ The Housekeeper’s Secret "ฉันไม่รู้เลยว่าจะเริ่มต้นเขียนเรื่องราวของผู้หญิงคนหนึ่งที่หลบหลีกคำถามส่วนตัวทุกคำถามที่ฉันเคยถามเธอได้อย่างไร….

ทุกครั้งที่ฉันถามเกี่ยวกับวัยเด็กของเธอ ครอบครัวของเธอ ชีวิตรักของเธอ การศึกษาของเธอ หรือเรื่องส่วนตัวอื่นๆ เธอก็ให้คำตอบแค่เพียงบางส่วน เช่น 'โอ้ นั่นมันนานมาแล้ว' แล้วก็จบการสนทนาด้วยคำพูดว่า 'ทำการบ้านให้เสร็จนะ’ ฉันเคยคิดว่ามันแปลกที่เธอเผยให้รู้น้อยมาก แต่ฉันก็เข้าใจว่าอาจจะเป็นเพราะการสูญเสียสามีและลูกชายของเธอมันเจ็บปวดเกินกว่าที่เธอจะอยากพูดถึงอดีต แต่ความจริงนั้นแย่กว่าที่คิดมาก…."

เรื่องราวชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่ง จากไร่ทาสในลุยเซียนา ไปจนถึงอุโมงค์ผีสิงใต้โรงพยาบาลจิตเวช ที่ปิดมานาน ซึ่งตลอดชีวิตยังคงติดอยู่กับฝันร้าย ได้ยินเสียงกรีดร้องอันทรมานของอดีตคนไข้ที่เคยถูกทารุณกรรมอย่างน่ากลัว นอกจากนี้ยังนำเธอไปสู่ครอบครัวทางสายเลือดของลี ซึ่งประกอบด้วยพี่น้องและลูกทั้งห้าคนซึ่งคิดมานานแล้วว่าเธอเสียชีวิตไปแล้ว

ความลับอันเป็นฝันร้ายในอดีต

ลีเกิดในชื่อ “ลีเนอร์ เม เมทอยเออร์” เป็นลูกคนสุดท้องจากพี่น้องทั้งหมด 5 คน ในลุยเซียนา ก่อนที่จะย้ายไปชิคาโกพร้อมกับพ่อแม่ คืนหนึ่งในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2483 ขณะเดินกลับบ้านจากที่ทำงานผ่านแกรนต์พาร์ค เธอถูกทุบตีและรุมข่มขืนการทำร้ายนั้นโหดร้ายมากจนพ่อแม่ยังจำลูกสาวของตัวเองไม่ได้

แซนดร้าเขียนว่า “ฟันของเธอส่วนใหญ่ถูกกระแทกจนหลุดออก มือ เท้า ข้อเท้า และสะโพกของเธอหักหลายจุด…. หิมะในจุดที่พบเธอเปียกโชกไปด้วยเลือด แพทย์บอกว่าเธอรอดมาได้เพราะเธอนอนแข็งอยู่ใต้หิมะตลอดทั้งคืน ซึ่งทำให้เลือดไหลช้าลง”

ในที่สุดการเปิดเผยเรื่องราวอันเป็นฝันร้าย ก็ทำให้เข้าใจถึงที่มาของฟันปลอม ท่ายืนที่แปลกๆ รวมทั้งความผิดปกติของมือและเท้าของเธอ แม้ประมาณ 2 เดือนหลังจากถูกทำร้าย แผลเป็นบนร่างกายของลีก็เริ่มสมานตัว แต่บาดแผลทางจิตใจยังคงอยู่ในสภาพที่แย่มาก เธอยังคงเดินหรือพูดไม่ได้ และจะตื่นขึ้นมาตอนกลางคืนพร้อมกับกรีดร้อง ในช่วงเวลานี้เองที่แพทย์พบว่าเธอตั้งครรภ์อันเป็นผลจากการข่มขืน

พ่อแม่ของเธอ ซึ่งต่อสู้กับโรคมะเร็งในขณะนั้นและไม่สามารถดูแลลูกสาวที่ได้รับบาดแผลทางจิตใจอย่างรุนแรงได้ จึงตัดสินใจที่ยากลำบากด้วยการส่งเธอไปที่โรงพยาบาลรัฐ ซึ่งที่ไม่เพียงแต่เป็นสถานที่ที่ลงโทษผู้ป่วยอย่างรุนแรงทางร่างกายเท่านั้นแต่ยังมีการละเมิดทางเพศอีกด้วย และที่นั่นเป็นที่ที่ลูกชายคนแรกของเธอคลอดออกมา

ขณะนั้นลีอายุ 19 ปี ยังไม่สามารถดูแลเด็กได้ อีกทั้งยังถูกห้ามไม่ให้กักขังเด็กไว้ในสถานบำบัด ดังนั้น ลูกของเธอจึงถูกส่งไปอาศัยอยู่กับพี่ชายของเธอและภรรยาใหม่ของเขา ขณะที่พวกเขารอให้เธอหายดี แต่ถึงกระนั้นอาการของเธอก็ยังไม่เห็นสัญญาณว่าจะดีขึ้น บาดแผลทางใจยิ่งเลวร้ายลงเมื่อแม่ของเธอเสียชีวิต แพทย์จึงให้เธอเข้ารับการบำบัดด้วยไฟฟ้าแบบไร้มนุษยธรรมนานถึง 3 เดือน

เธอได้รับอนุญาตให้ไปเยี่ยมบ้าน แต่นั่นกลายเป็นเรื่องยากสำหรับทุกคนในครอบครัว เพราะเธอไม่ยอมลุกจากเก้าอี้ แม้แต่จะไปห้องน้ำ เธอแค่นั่งขับถ่ายเลอะเทอะอยู่ตรงนั้น ในขณะที่จ้องมองไปที่ลูกชายของตนเอง ไม่เพียงเท่านั้น แค่ครั่งหนึ่งเมื่อเธอกลับไปบ้าน กลับถูกข่มขืนโดยญาติห่างๆ ส่งผลให้เธอตั้งครรภ์เป็นครั้งที่สอง หลังจากคลอดลูกสาวออกมา ญาติก็รับไปเลี้ยง

ในช่วง 13 ปีที่โรงพยาบาลแห่งนั้น ลีมีลูกอีกสองคนกับชายที่แต่งงานแล้ว ซึ่งดำรงตำแหน่งอาวุโสในโรงพยาบาล เธอเชื่อว่าเขารักเธอ แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาทำร้ายหญิงสาวที่เปราะบางอย่างสิ้นหวังที่อยู่ในความดูแลของเขา เด็กทั้งสองถูกส่งไปที่บ้านอุปถัมภ์ และชื่อของชายคนดังกล่าวไม่เคยปรากฏบนสูติบัตรของพวกเขาเลย

แซนดร้าเขียนว่า “ดูเหมือนว่าทุกย่างก้าวของเรื่องราวนี้จะเหมือนหมัดตรงเข้าที่ท้องอีกครั้ง ฉันรู้สึกโกรธมาก โกรธจนแทบคลั่ง ฉันอยากทำลายผู้ชายคนนี้และเผาโรงพยาบาลทิ้ง” และท้ายที่สุด ลูกคนที่ห้าเกิดจากพ่อที่ไม่ทราบชื่อ และไม่มีใครในครอบครัวรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา

“แม้แต่ความเลวร้ายเพียงหนึ่งครั้งก็เพียงพอที่จะทำลายคนบางคนให้สิ้นซาก ….แต่ลีเป็นเสาหลักแห่งความแข็งแกร่งของครอบครัวเรา เธอเป็นคนคิดบวก เธอเป็นคนใจดี ฉลาด และมีความสามารถมากที่สุดที่ฉันเคยรู้จัก”

แซนดร้าที่รู้สึกสับสนตั้งคำถามว่า "นี่คือเรื่องที่เธอต้องการให้ฉันเขียนหรือเปล่า? มันมืดมน เศร้า และเต็มไปด้วยการสูญเสียจนฉันไม่คิดว่าฉันจะสามารถนำมันไปแบ่งปันกับโลกได้…. และถึงแม้ฉันจะทำได้ ฉันก็ต้องหาความหมาย ต้องเข้าใจว่าอะไรและทำไม"

และความหมายนั้นชัดเจนขึ้น เมื่อเธอสามารถตามหาลูกชายคนโตของลีจนพบ "ชายคนที่ฉันเคยคิดว่าเสียชีวิตไปอย่างน่าเศร้าในวัยเด็ก" ในการโทรศัพท์ครั้งแรกที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ลูกชายของลีลังเลที่จะถามคำถามใหญ่ที่สุดที่อยู่ในใจเขาเกี่ยวกับแม่ที่หายไปจากชีวิตเขาเป็นส่วนใหญ่

"เธอมีชีวิตที่ดีอยู่กับครอบครัวของคุณใช่ไหม?" เขาถามในที่สุด และแซนดร้าก็ตอบไปว่า "เธอเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เคยเกิดขึ้นกับครอบครัวของเรา เป็นพรอันยิ่งใหญ่... เธอได้รับความรักอย่างลึกซึ้งจนถึงวาระสุดท้าย" ดังนั้น แม้ว่าเขาจะรู้สึกประหม่าเกี่ยวกับคนแปลกหน้า แต่เขาก็ยอมตกลงที่จะมาพบกับเธอ

ในที่สุด หลังจากที่สัญญากับผู้หญิงที่เธอถือว่าเป็นแม่คนที่สองเมื่อ 23 ปีก่อน แซนดร้าก็เดินขึ้นทางไปบ้านของลูกชายคนแรกของลี เธอถือของขวัญที่มีค่ามากมายติดตัวไปด้วย ซึ่งจะนำมาซึ่งการปิดฉากเรื่องราวอันน่าทึ่งของการเอาชีวิตรอด และการเติบโตท่ามกลางความยากลำบาก

"ฉันถือสิ่งที่บรรจุเถ้าของลี…  รู้สึกตระหนักดีว่าแต่ละก้าวที่เดินไปกำลังพาเธอเข้าใกล้การกลับมารวมตัวกับครอบครัวของเธอ" ซานดร้าเขียนลงในหนังสือ The Housekeeper's Secret: A Memoir ซึ่งตีพิมพ์โดย She Writes Press โดยที่ชื่อของลูกๆ ของลีได้ถูกเปลี่ยนเพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของพวกเขา

อัลบั้มภาพ 12 ภาพ

อัลบั้มภาพ 12 ภาพ ของ สาวหดหู่ แม่บ้านใกล้สิ้นใจ จู่ๆ จับมือเล่า "อดีตอันเป็นความลับ" ต้นเหตุที่ทำให้หลังค่อม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook