"ซิงซิง" เล่าถูกฝึกเป็นสแกมเมอร์ นายกฯ สั่งคุมข่าวลือกระทบไทย GMMTV แจงโดนอ้างชื่อเอี่ยว
"ซิงซิง" เผยหลังข้ามไปเมียนมา เผยถูกฝึกเป็นสแกมเมอร์ ขณะที่ GMMTV โพสต์ชี้แจงและเตือนลง Weibo หลังโดนอ้างชื่อเอี่ยว
ความคืบหน้ากรณีการหายตัวของ หวังซิง หรือ ซิงซิง นักแสดงสัญชาติจีนที่หายตัวไปตั้งแต่ช่วงวันที่ 3 มกราคม ที่ผ่านมา ก่อนพบข้ามจากชายแดนไทยไปยังเมียนมา กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามนำตัวกลับถึงไทยแล้ว เมื่อวานนี้ (7 มกราคม) จากนี้จะเข้าสู่ขั้นตอนการสอบสวนคัดแยกว่าเข้าข่ายขบวนการค้ามนุษย์หรือไม่
โดยจากการสอบปากคำเบื้องต้นพบว่า ถูกหลอกให้มาทำงานเป็นนักแสดงในไทย แต่กลับพาไปทำแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเมียวดี-เมียนมา โดยเป็นขบวนการหลอกระหว่างคนจีนกับคนจีน เหตุเกิดที่ประเทศจีนไปประเทศ 3 และขณะนี้ยังไม่มีคนไทยเข้าไปเกี่ยวข้อง มีแค่ที่ซิงซิงใช้เส้นทางการเดินทาง โดยใช้แท็กซี่คนไทยไปส่งยัง จ.ตากเท่านั้น เมื่อข้ามไปฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ถูกให้ไปฝึกพิมพ์ข้อความเพื่อหลอกลวงคนจีน ฝึกเป็นสแกมเมอร์อยู่ประมาณ 2-3 วัน แต่ยังไม่ได้เป็นการฝึกให้สนทนาหรือพูดโทรศัพท์
พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ซิงซิงถึงสนามบินสุวรรณภูมิช่วงเวลา 03.00 น. ของวันที่ 3 ม.ค.68 จากนั้นว่าจ้างรถยนต์ส่วนบุคคลจำนวน 5,000 บาทให้ไปส่งที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ก่อนที่จะมีรถกระบะของกลุ่มชาติพันธุ์มารับตัวต่อไปยังช่องทางธรรมชาติ
ขณะที่ทางด้าน GMMTV บริษัทบันเทิงที่ถูกกล่าวอ้างถึง ได้โพสต์ข้อความผ่านทาง Weibo แพลตฟอร์มยอดนิยมของชาวจีน เพื่อชี้แจงและย้ำเตือนเกี่ยวกับการแอบอ้างเป็นบริษัทจีเอ็ม เอ็มแกรมมี่ จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ โดยยืนยันว่า "การหลอกลวงดารานักแสดงชาวจีน บริษัทไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้"
บริษัทขอย้ำว่า กระบวนการคัดเลือกศิลปินและนักแสดงของเรา มีความโปร่งใสและปฏิบัติตามขั้นตอนที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด จะไม่ติดต่อบุคคลใดๆ ผ่านช่องทางส่วนตัว และจะไม่ขอให้ผู้สมัครรายใดจ่ายค่าธรรมเนียม ขอแนะนำให้ประชาชนไม่เชื่อในข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง และตรวจสอบข้อมูลผ่านช่องทางการสื่อสารอย่างเป็นทางการของบริษัทเท่านั้น
นายกฯ สั่งดีอีดูข่าวลือ ไม่ให้กระทบภาพลักษณ์ไทย หลังโซเชียลโหมกระแสเมืองไทยน่ากลัว
ขณะเดียวกัน ตามรายงานของสำนักข่าว INN ระบุว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวกึงกรณีของ “ซิงซิง” ดาราจีน ยืนยันว่าจะต้องทำเรื่องนี้ให้ดี ไม่ให้กระทบกับการท่องเที่ยว เพราะตอนนี้มีเรื่องเกิดขึ้นจริง และข่าวลือจำนวนมากบนโซเชียลว่าประเทศไทยมีความน่ากลัว จึงพยายามดูแลอย่างเต็มที่ โดยกระทรวงดีอีฯ ต้องช่วยดูเรื่องการปล่อยข่าวลือด้วย
ส่วนมีมาตรการคุมเข้มอย่างไรเพราะมีกระบวนการของจีนมาใช้พื้นที่ในประเทศไทยในการก่อเหตุ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เราประสานไปยังทูตจีน พูดคุยกันอย่างเข้มข้น และตอนประชุมต่างประเทศ ผู้นำก็พูดคุยเรื่องนี้เช่นกัน เพราะนอกจากกระทบการท่องเที่ยว แล้วยังกระทบความปลอดภัยทางเทคโนโลยี และการใช้สื่อโซเชียลมีเดีย เช่น การโกง และคอลเซนเตอร์ ทั้งสองประเทศเน้นย้ำเรื่องนี้มาก และไม่ใช่แค่จีนกับไทยเท่านั้น ยังรวมถึงประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด โดยไทยจะใช้รัฐมนตรีต่างประเทศ พูดคุยเรื่องนี้เสมอ และเมื่อมีอะไร จะติดต่อกับทูตประเทศนั้นทันที เช่น ครั้งนี้ ก็ติดต่อทูตจีน
ส่วนฝ่ายค้านมีการเสนอว่าอยากจะให้จัดโซนนิ่งเรื่องของการฟรีวีซ่าจีน แนวทางนี้เป็นไปได้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ต้องรอคุยกันดูว่าจะต้องว่าเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน แต่จริงๆการฟรีวีซ่า รัฐบาลซัพพอร์ตมาโดยตลอดอยู่แล้ว เดี่ยวจัดอันดับความสำคัญ และตกลงระหว่างประเทศ ยืนยันว่า ยังไงก็ต้องมีต่ออะไรที่เป็นข้อเสนอที่ดีก็รับฟัง