"ซิงซิง" เล่าถูกฝึกเป็นสแกมเมอร์ นายกฯ สั่งคุมข่าวลือกระทบไทย GMMTV แจงโดนอ้างชื่อเอี่ยว

"ซิงซิง" เล่าถูกฝึกเป็นสแกมเมอร์ นายกฯ สั่งคุมข่าวลือกระทบไทย GMMTV แจงโดนอ้างชื่อเอี่ยว

"ซิงซิง" เล่าถูกฝึกเป็นสแกมเมอร์ นายกฯ สั่งคุมข่าวลือกระทบไทย GMMTV แจงโดนอ้างชื่อเอี่ยว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"ซิงซิง" เผยหลังข้ามไปเมียนมา เผยถูกฝึกเป็นสแกมเมอร์ ขณะที่ GMMTV โพสต์ชี้แจงและเตือนลง Weibo หลังโดนอ้างชื่อเอี่ยว

ความคืบหน้ากรณีการหายตัวของ หวังซิง หรือ ซิงซิง นักแสดงสัญชาติจีนที่หายตัวไปตั้งแต่ช่วงวันที่ 3 มกราคม ที่ผ่านมา ก่อนพบข้ามจากชายแดนไทยไปยังเมียนมา กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามนำตัวกลับถึงไทยแล้ว เมื่อวานนี้ (7 มกราคม) จากนี้จะเข้าสู่ขั้นตอนการสอบสวนคัดแยกว่าเข้าข่ายขบวนการค้ามนุษย์หรือไม่

โดยจากการสอบปากคำเบื้องต้นพบว่า ถูกหลอกให้มาทำงานเป็นนักแสดงในไทย แต่กลับพาไปทำแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเมียวดี-เมียนมา โดยเป็นขบวนการหลอกระหว่างคนจีนกับคนจีน เหตุเกิดที่ประเทศจีนไปประเทศ 3 และขณะนี้ยังไม่มีคนไทยเข้าไปเกี่ยวข้อง มีแค่ที่ซิงซิงใช้เส้นทางการเดินทาง โดยใช้แท็กซี่คนไทยไปส่งยัง จ.ตากเท่านั้น เมื่อข้ามไปฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ถูกให้ไปฝึกพิมพ์ข้อความเพื่อหลอกลวงคนจีน ฝึกเป็นสแกมเมอร์อยู่ประมาณ 2-3 วัน แต่ยังไม่ได้เป็นการฝึกให้สนทนาหรือพูดโทรศัพท์

พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ซิงซิงถึงสนามบินสุวรรณภูมิช่วงเวลา 03.00 น. ของวันที่ 3 ม.ค.68 จากนั้นว่าจ้างรถยนต์ส่วนบุคคลจำนวน 5,000 บาทให้ไปส่งที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ก่อนที่จะมีรถกระบะของกลุ่มชาติพันธุ์มารับตัวต่อไปยังช่องทางธรรมชาติ

ขณะที่ทางด้าน GMMTV บริษัทบันเทิงที่ถูกกล่าวอ้างถึง ได้โพสต์ข้อความผ่านทาง Weibo แพลตฟอร์มยอดนิยมของชาวจีน เพื่อชี้แจงและย้ำเตือนเกี่ยวกับการแอบอ้างเป็นบริษัทจีเอ็ม เอ็มแกรมมี่ จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ โดยยืนยันว่า "การหลอกลวงดารานักแสดงชาวจีน บริษัทไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้"

บริษัทขอย้ำว่า กระบวนการคัดเลือกศิลปินและนักแสดงของเรา มีความโปร่งใสและปฏิบัติตามขั้นตอนที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด จะไม่ติดต่อบุคคลใดๆ ผ่านช่องทางส่วนตัว และจะไม่ขอให้ผู้สมัครรายใดจ่ายค่าธรรมเนียม ขอแนะนำให้ประชาชนไม่เชื่อในข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง และตรวจสอบข้อมูลผ่านช่องทางการสื่อสารอย่างเป็นทางการของบริษัทเท่านั้น

นายกฯ สั่งดีอีดูข่าวลือ ไม่ให้กระทบภาพลักษณ์ไทย หลังโซเชียลโหมกระแสเมืองไทยน่ากลัว

ขณะเดียวกัน ตามรายงานของสำนักข่าว INN ระบุว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวกึงกรณีของ “ซิงซิง” ดาราจีน ยืนยันว่าจะต้องทำเรื่องนี้ให้ดี ไม่ให้กระทบกับการท่องเที่ยว เพราะตอนนี้มีเรื่องเกิดขึ้นจริง และข่าวลือจำนวนมากบนโซเชียลว่าประเทศไทยมีความน่ากลัว จึงพยายามดูแลอย่างเต็มที่ โดยกระทรวงดีอีฯ ต้องช่วยดูเรื่องการปล่อยข่าวลือด้วย

ส่วนมีมาตรการคุมเข้มอย่างไรเพราะมีกระบวนการของจีนมาใช้พื้นที่ในประเทศไทยในการก่อเหตุ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เราประสานไปยังทูตจีน พูดคุยกันอย่างเข้มข้น และตอนประชุมต่างประเทศ ผู้นำก็พูดคุยเรื่องนี้เช่นกัน เพราะนอกจากกระทบการท่องเที่ยว แล้วยังกระทบความปลอดภัยทางเทคโนโลยี และการใช้สื่อโซเชียลมีเดีย เช่น การโกง และคอลเซนเตอร์ ทั้งสองประเทศเน้นย้ำเรื่องนี้มาก และไม่ใช่แค่จีนกับไทยเท่านั้น ยังรวมถึงประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด โดยไทยจะใช้รัฐมนตรีต่างประเทศ พูดคุยเรื่องนี้เสมอ และเมื่อมีอะไร จะติดต่อกับทูตประเทศนั้นทันที เช่น ครั้งนี้ ก็ติดต่อทูตจีน

ส่วนฝ่ายค้านมีการเสนอว่าอยากจะให้จัดโซนนิ่งเรื่องของการฟรีวีซ่าจีน แนวทางนี้เป็นไปได้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ต้องรอคุยกันดูว่าจะต้องว่าเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน แต่จริงๆการฟรีวีซ่า รัฐบาลซัพพอร์ตมาโดยตลอดอยู่แล้ว เดี่ยวจัดอันดับความสำคัญ และตกลงระหว่างประเทศ ยืนยันว่า ยังไงก็ต้องมีต่ออะไรที่เป็นข้อเสนอที่ดีก็รับฟัง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook