ยูทูบเบอร์ไปมาแล้ว 197 ประเทศทั่วโลก เผยสถานที่ที่น่ากลัวที่สุด แทบเอาชีวิตไม่รอด
Thailand Web Stat

ยูทูบเบอร์ไปมาแล้ว 197 ประเทศทั่วโลก เผยสถานที่ที่น่ากลัวที่สุด แทบเอาชีวิตไม่รอด

ยูทูบเบอร์ไปมาแล้ว 197 ประเทศทั่วโลก เผยสถานที่ที่น่ากลัวที่สุด แทบเอาชีวิตไม่รอด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ชายผู้เดินทางไปครบ 197 ประเทศทั่วโลก เผยสถานที่ที่น่ากลัวที่สุดที่เคยไป ยอมรับหากไม่มีผู้คุ้มกันช่วย เขาอาจ "ไม่ได้กลับออกมาอย่างปลอดภัย"

หากคุณค้นหาความหมายของคำว่า "นักเดินทางรอบโลก" ชื่อของ ดรูว์ บินสกี้ ยูทูบเบอร์ที่มีผู้ติดตามมากถึง 5 ล้าน อาจจะปรากฏอยู่ในคำนิยามนั้น เขาได้พาการท่องเที่ยวไปสู่ขีดสุดในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ด้วยการเดินทางครบทุกประเทศในโลก และได้บันทึกการผจญภัยที่น่าทึ่งใน 197 ประเทศไว้บนโลกออนไลน์

แต่แน่นอนว่าการเดินทางครั้งยิ่งใหญ่นี้ไม่ได้เต็มไปด้วยความรื่นรมย์และค็อกเทลเสมอไปสำหรับดรูว์ แต่ไม่มีสถานที่ใดที่สร้างความประทับใจลึกซึ้งในแบบเดียวกับการเดินทางไปยังเมืองเอ็นจาเมนา ประเทศชาด

ดรูว์ยืนยันว่าชาดเป็น "ประเทศที่น่ากลัวที่สุดที่เขาเคยไปเยือน" อย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มาก เมื่อพิจารณาว่าเขาเคยเดินทางมาแล้วทุกมุมโลก

ดรูว์ นักสร้างสรรค์คอนเทนต์ชาวอเมริกัน เล่าว่า เขาเคยใช้เวลาที่เมืองเอ็นจาเมนา ซึ่งเป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของชาด ในปี 2018 และแม้จะผ่านไป 7 ปีแล้ว เขายังคงไม่ลืมประสบการณ์ที่น่ากลัวนั้น

ดรูว์ กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับ UNILAD ว่า “ในชีวิตนี้ไม่เคยมีครั้งไหนที่ผมรู้สึกหวาดกลัว ถูกคุกคาม หรือถูกทำร้าย (ทั้งทางวาจาและร่างกาย) มากเท่ากับครั้งที่อยู่ในเมืองที่ร้อน ฝุ่นตลบ และดูทรุดโทรมราวกับถูกทิ้งร้างแห่งนั้น”

“ผมต้องเจอกับเหตุไล่ล่าของตำรวจที่แสนวุ่นวายบนรถมอเตอร์ไซค์ และถูกกลุ่มคนมากกว่าสิบคนทำร้าย เพียงเพราะผมพยายามจะถ่ายรูป ถ้าไม่มีเพื่อนท้องถิ่นร่างยักษ์สูง 6 ฟุต 6 นิ้วของผม ผมไม่มั่นใจเลยว่าผมจะรอดออกจากประเทศนั้นมาได้ นี่ไม่ได้พูดเล่นเลย”

เขายังเล่าถึงประสบการณ์การเดินทางสุดสยองในประเทศแถบแอฟริกากลางนี้ในวิดีโอที่เผยแพร่เมื่อเดือนเมษายน 2022 ซึ่งเขาเปิดเผยว่าเขาต้องรีบเดินทางออกจากชาดก่อนกำหนด เพราะประสบการณ์ที่เลวร้ายมาก

ดรูว์เล่าต่อว่า หลังจากได้พบกับเพื่อนร่างยักษ์ที่ทำหน้าที่เป็นผู้คุ้มกันในเอ็นจาเมนา ทั้งคู่ก็นั่งรถแท็กซี่มอเตอร์ไซค์แยกกันไปยังจุดหมายของพวกเขา

“เราสองคนพลัดหลงกัน” เขาเล่า “โทรศัพท์ของผมใช้การไม่ได้ และรถแท็กซี่มอเตอร์ไซค์ที่ผมขึ้นกลับกลายเป็นรถที่ถูกขโมยมา ทำให้ผมต้องเข้าไปพัวพันกับการไล่ล่าของตำรวจครั้งใหญ่

“ผมต้องตัดผ่านถนนลูกรังในเมือง รีบกระโดดลงจากรถ แล้วจู่ ๆ ก็เกิดการทะเลาะวิวาทครั้งใหญ่กลางถนน มีคนเข้ามาจับเสื้อผมเหมือนจะเอาชีวิตผม”

หลังความวุ่นวายทั้งหมด ดรูว์กระโดดขึ้นมินิบัสคันหนึ่งเพื่อหนีความโกลาหล แต่เรื่องกลับไม่จบเพียงแค่นั้น

“หลังจากนั้นผมกำลังถ่ายรูป และเผลอถ่ายภาพเด็กคนหนึ่งเข้า ซึ่งปกติผมจะขออนุญาตพ่อแม่ก่อน แต่ครั้งนี้ผมไม่เห็นพ่อแม่อยู่แถวนั้น” เขาเล่าย้อน “แล้วมันก็กลายเป็นปัญหาใหญ่ มีการทะเลาะวิวาทเกิดขึ้นอีกครั้ง มีคนพยายาม...จริง ๆ แล้ว มีคนขู่จะชักมีดออกมา”

โชคร้ายของเขายังไม่จบเพียงเท่านั้น ดรูว์เล่าว่า หลังจากวันอันแสนวุ่นวาย เขาพยายามสงบสติอารมณ์และไปที่บาร์ชิชาแห่งหนึ่งพร้อมกับบอดี้การ์ดของเขาเพื่อผ่อนคลาย

“ตอนที่ผมเดินออกไปข้างนอกเพื่อรับสายโทรศัพท์ ผมเผลอเหยียบกองอุจจาระกองใหญ่เข้า” เขาถอนหายใจ “มันเป็นอุจจาระของคน ไม่ใช่ของวัวแน่นอน”

“สุดท้ายผมตัดสินใจเปลี่ยนไฟลต์เพื่อกลับเร็วขึ้น เพราะประสบการณ์ครั้งนี้แย่มากจริง ๆ และทุกที่ที่ผมไปในชาด คนมักจะจ้องมองผมตลอดเวลา

“สำหรับนักเดินทางอย่างผม การมาเที่ยวชาดเป็นเรื่องที่ยากมากจริง ๆ ไม่มีอะไรให้ทำมากนัก และสภาพโดยรวมค่อนข้างลำบาก”

แม้ประสบการณ์ครั้งนี้จะไม่น่าประทับใจนัก แต่ดรูว์บอกว่าเขายังอยากจะให้โอกาสชาดอีกครั้งในอนาคต แม้เขาจะมองว่ากรุงเอ็นจาเมนา “ลำบากมาก” แต่เขาหวังว่าสักวันจะได้เดินทางไปทางตอนเหนือของประเทศ และหวังว่าประสบการณ์ครั้งนั้นจะราบรื่นกว่าเดิม

ทั้งนี้ ประเทศชาดต้องเผชิญกับความไม่สงบทางการเมืองมาเป็นเวลาหลายปี โดยสำนักงานต่างประเทศ เครือจักรภพ และการพัฒนา (FCDO) ได้ออกคำแนะนำว่า “ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังบางพื้นที่ในชาด”

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
kookkak

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เราใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดบน
เว็บไซต์ของเรา โปรดศึกษาเพิ่มเติมที่
นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้