ทบ.เตรียมขยายผลค้นหากระสุนอาร์พีจีที่เหลืออีก 23 ลูก

กองทัพบก เตรียมขยายผลค้นหากระสุนอาร์พีจีที่เหลืออีก 23 ลูก ขณะที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กำชับผู้บัญชาการเหล่าทัพสั่งกำลังพลเพิ่มความเข้มงวดป้องกันอาวุธสูญหายซ้ำรอย หวั่นผู้ไม่หวังดีนำไปสร้างสถานการณ์

พันเอก สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้ากรณีที่กระสุนอาร์พีจี 39 ลูก และกระสุนปืนเอ็ม 60 อีกจำนวนหนึ่งสูญหายไปจากกองสรรพาวุธกลางที่ 2 กรมสรรพาวุธทหารบก จ.ลพบุรี ว่า จากการตรวจสอบค้นหาอาวุธที่สูญหายชุดที่ 1 ตั้งแต่คืนวันที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา บริเวณแม่น้ำท่าวุ้ง จ.ลพบุรี สามารถค้นหาหัวกระสุนอาร์พีจีได้ครบทั้งหมด 16 ลูก ส่วนหัวกระสุนอาร์พีจีอีก 23 ลูกที่ยังสูญหายอยู่ จากการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยืนยันว่า จะสามารถสืบสวนขยายผลเพื่อค้นหาของกลางและหาตัวผู้กระทำความผิดได้ เนื่องจากขณะนี้สามารถจับกุมผู้ต้องสังสัยได้แล้วจำนวน 4 คน ซึ่งคงต้องสอบสวนเพื่อขยายผลให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด เนื่องจากเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายมีความเป็นห่วงและกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ

ส่วนการดูแลรักษาความปลอดภัยคลังอาวุธของกองทัพนั้น ได้มีการวางกำลังเจ้าหน้าที่ดูแลอย่างเข้มงวด รวมถึงมีการตรวจสอบจำนวนอาวุธตามวงรอบซึ่งได้ปฏิบัติเป็นประจำอยู่แล้ว ตามนโยบายและคำสั่งของ พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก และจากการตรวจสอบจำนวนอาวุธดังกล่าวจึงทำให้ทราบว่ามีอาวุธสูญหายไป ทั้งนี้หากมีข้าราชการทหารเข้าไปเกี่ยวข้อง ทางกองทัพมีบทลงโทษทั้งทางวินัยและทางอาญา ในข้อหา "ขโมยของหลวง" ซึ่งถือเป็นบทลงโทษที่รุนแรงของข้าราชการ

ด้าน พันเอกธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า หลังเกิดการสูญหายของอาวุธที่คลังแสงใน จ.ลพบุรี พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งให้หัวหน้าหน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหมและผู้บัญชาการเหล่าทัพ กำชับเน้นย้ำกับกำลังพลให้เพิ่มความเข้มงวดในการดูแลรักษาอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ในทุกขั้นตอน ตั้งแต่ขั้นตอนการผลิต การเคลื่อนย้าย การเก็บรักษาและการนำออกมาฝึกนอกสถานที่ เพื่อป้องกันไม่ให้อาวุธสูญหายอีก เพราะหากอาวุธดังกล่าวตกไปอยู่ในความครอบครองของกลุ่มผู้ไม่หวังดีอาจจะนำมาสร้างความเสียหายต่อชาติบ้านเมืองได้