ปลัดกลาโหม ระบุกองทัพเลี่ยงการเมืองไม่ได้ แต่ก็ไม่ควรเข้าไปยุ่ง
"พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ" อำลาตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม ฝากข้าราชการตั้งใจทำงาน ปกป้องเทิดทูน 3 สถาบันหลัก ไม่ห่วงปลัดคนใหม่ เตรียมแสวงบุญ ไม่มุ่งการเมือง พร้อมเชื่อมั่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.คนใหม่ จะนำกองทัพได้ ไม่แตกแยก ปกครองลูกน้องด้วยความเป็นธรรม ยอมรับกองทัพหลีกจากการเมืองไม่ได้เพราะเป็นกลไกของรัฐบาล ช่วยเหลือได้ในยามที่ถูกร้องขอ แต่ถ้าเป็นเรื่องการเมืองล้วน ๆ ไม่ควรยุ่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 17.00 น. กระทรวงกลาโหมได้จัดพิธีรับส่งหน้าที่และมอบการบังคับบัญชาในตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม ระหว่าง พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.กิตติพงษ์ เกษโกวิท รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด โดยร่วมกันสักการะศาลหลักเมืองและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำศาลาว่าการกลาโหม รวมทั้งลงนามในเอกสารรับส่งหน้าที่ โดย พล.อ.อภิชาต กล่าวขอบคุณข้าราชการและผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคนที่ทำให้การทำงานของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมเป็นที่ยอมรับทั้งในและนอกหน่วยงาน จากนี้ขอให้ทุกคนตั้งใจปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ ด้วยความซื่อสัตย์ เสียสละเพื่อส่วนรวม ที่สำคัญต้องเทิดทูนปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ด้วยชีวิต
ขณะที่ พล.อ.กิตติพงษ์ กล่าวชื่นชม พล.อ.อภิชาต ว่าทำหน้าที่ด้วยความวิริยะ อุตสาหะ เสียสละในทุกด้าน ปกครองด้วยความยุติธรรม ดูแลทุกข์สุขของผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างใกล้ชิด ทำให้สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมมีความก้าวหน้า โดยตนจะยึดเป็นแบบอย่างในการทำหน้าที่ต่อไป
ภายหลังเสร็จพิธี พล.อ.อภิชาต ให้สัมภาษณ์ว่า ไม่ห่วงการทำงานของปลัดกระทรวงกลาโหมคนใหม่ เชื่อว่าจะสามารถสานงานต่อได้ ไม่มีปัญหา ขณะเดียวกันก็อยากเห็นกองทัพมีการปรับปรุง พัฒนาไม่หยุดนิ่งทั้งในส่วนของกำลังพลและอาวุธยุทโธปกรณ์ แม้จะไม่มีการสู้รบกับประเทศเพื่อนบ้าน แต่ก็ควรจะมีไว้เพื่อถ่วงดุล เพราะอาวุธที่ทันสมัย แม้จะไม่ได้นำไปสู้รบแต่ก็นำไปใช้ในการช่วยเหลือประชาชนได้
เมื่อถามว่า ปัจจุบันการเมืองกับกองทัพเข้ามาเกี่ยวข้องกันมาก ปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ต่างคนต่างอยู่ดีที่สุด อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงกันไม่ได้ เพราะกองทัพเป็นกลไกลหนึ่งของรัฐบาล ถ้าถูกร้องขอก็ต้องเข้าไปช่วย แต่หากเป็นเรื่องการเมืองเพียงอย่างเดียวก็ไม่ควรเข้าไปยุ่ง
เมื่อถามถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกคนใหม่ พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า เป็นบุคคลที่มีความพร้อมในการเป็นผู้บังคับบัญชาและจะทำหน้าที่ได้ดีที่สุด ไม่มีปัญหา กองทัพไม่มีความแตกแยก และผู้ใต้บังคับบัญชาจะได้รับการดูแลอย่างเป็นธรรม โดยเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการเมือง
เมื่อถามว่ามีความเชื่อมั่นในแนวทางปรองดองหรือไม่ พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า ถ้านักการเมืองพูดไม่คิด การปรองดองก็ยากที่จะเกิดขึ้น จึงขอให้ช่วยคิดเพื่อส่วนรวมมากกว่าเพื่อส่วนตัว
ส่วนกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคงลาออกจากตำแหน่งเพื่อลงเลือกตั้งที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี บุคคลที่จะมารับตำแหน่งแทนควรเป็นทหารหรือพลเรือน พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า เข้าใจว่าจะไม่มีการแต่งตั้ง เพราะนายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้ดูแลเอง เชื่อว่าไม่เกิดปัญหา สำหรับตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสามารถดูแลได้ เพราะตามปกติหากนายสุเทพไม่อยู่ พล.อ.ประวิตรก็ดูแลแทนอยู่แล้ว
เมื่อถามย้ำถึงกระแสข่าวว่าอาจขยับ พล.อ.ประวิตร ไปดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และแต่งตั้ง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ที่เกษียณอายุราชการจากตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกแล้วมารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแทน พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี สำหรับตนเองยังไม่มีใครมาทาบทามให้ดำรงตำแหน่งอะไร
"หลังเกษียณอายุราชการ ผมจะไม่ยุ่งกับการเมือง จะพยายามแสวงบุญเตรียมตัวตาย เพราะคงไม่มีใครหนีพ้นจุดสุดท้ายของชีวิตได้ หากเราเตรียมตัว บรรดาญาติพี่น้องก็จะไม่เสียใจกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น ต้องฝากถึงทุกคนด้วยว่าวาระสุดท้ายของชีวิตคงไม่มีใครหลีกพ้น ขอให้ทุกคนเตรียมรับกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น" ปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าว.