ภาณุพงศ์เผยรู้3คนโยงบึ้มแล้วยังอยู่ไทย

พล.ต.อ.วิเชียร เผย คนโทรขู่วางระเบิด ร.พ.ศิริราช ไม่มีอะไร เป็นพวกป่วน ขณะรรก.รอง ผบ.ตร. เผย ทราบชื่อผู้ต้องสงสัยแล้ว 3 คน ชี้มีหลักฐานว่าเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่เกิดขึ้น คาดยังอยู่ในประเทศ หากจับได้ ได้ตัวคนบงการแน่

พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณี มีชายลึกลับโทรศัพท์ เข้ามาที่หมายเลข 191 เพื่อขู่วางระเบิดภายใน ร.พ.ศิริราช ว่าคงไม่มีอะไร เนื่องจากเคยมีคนขู่วางระเบิดมาที่หมายเลข 191 บ่อยครั้ง พร้อมทั้งมองว่า น่าจะเป็นคนที่สติไม่ดี โดยจากการตรวจสอบก็ไม่พบวัตถุต้องสงสัย บริเวณโดยรอบโรงพยาบาลแต่อย่างใด

นอกจากนี้ พล.ต.อ.วิเชียร ยังกล่าวถึง กรณีกลุ่มคนเสื้อแดง จะจัดคอนเสิร์ตเพื่อระดมทุน ในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ที่ห้างอิมพีเรียล เวิลด์ ลาดพร้าว ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ โดยเป็นหน้าที่ของกองบัญชาการตำรวจนครบาล เป็นผู้รับผิดชอบในการดูแลรักษาความปลอดภัย ทั้งนี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังเชื่อว่าจากเหตุการณ์ดังกล่าว ไม่น่าจะมีเหตุความรุนแรงเกิดขึ้นแต่อย่างใด

ขณะที่ พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รักษาราชการแทน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผย ถึงความคืบหน้า การติดตามตัวคนร้ายที่ก่อเหตุระเบิดป่วนเมืองว่า คดีที่เกี่ยวข้องกับวัตถุระเบิดมีความคืบหน้าไปอีกระดับหนึ่ง โดยขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจพบบุคคลต้องสงสัย แล้ว 3 คน คือ นายมงคล สารพัน นายธนเดช เอกอภิวัฒน์ และนายสมเกียรติ สารเนียม ซึ่งมีพยานหลักฐานระบุว่า ทั้ง 3 คน เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดหลายจุดที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ พร้อมทั้งคาดว่า ผู้ต้องสงสัยทั้ง 3 ยังคงหลบหนีอยู่ในประเทศ นอกจากนี้ พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ ยังเชื่ออีกว่า หากสามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยทั้ง 3 ได้ ก็จะสาวไปถึงผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลังได้ ทั้งนี้การก่อเหตุระเบิดในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีทั้งหมด 111 คดี ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้บางส่วน

ด้าน นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการพบระเบิดใกล้สถานทูตลาว และกรณีที่มีข่าวขู่วางระเบิดที่โรงพยาบาลศิริราช ว่า จากการตรวจสอบพบว่า กรณีที่เกิดขึ้นล่าสุด น่าจะมีความเชื่อมโยงกับ เหตุการณ์ในช่วงที่ผ่านมา ที่ผู้ก่อเหตุต้องการสร้างสถานการณ์ความวุ่นวาย แต่ไม่ได้มุ่งเอาชีวิต พรรคเพื่อไทย จึงตั้งข้อสังเกตว่า อาจเป็นการทำเพื่อต้องการคง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือ มีบางฝ่ายหวังผลประโยชน์ในงบประมาณ ซึ่งขณะนี้รัฐบาลได้ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มากว่า 5 เดือนแล้ว ตนจึงอยากขอให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยตัวเลขค่าใช้จ่าย ของพ.ร.ก.ฉุกเฉิน และผู้ที่ได้รับผลประโยชน์ดังกล่าว เพื่อความโปร่งใส นอกจากนี้ ยังอยากใหรัฐบาลคำนึงถึงภาพลักษณ์ของประเทศ ด้วยการเลิกประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในทุกพื้นที่และเปลี่ยนมาใช้กฎหมายปกติแทน ทั้งนี้หากเกิดสถานการณ์รุนแรงขึ้น จึงประกาศใช้อีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม นายพร้อมพงศ์ กล่าวอีกว่า การที่รัฐบาลประกาศยกเลิกพ.ร.ก.ในบางพื้นที่นั้น ตนมองว่าเป็นการเลี้ยงไข้ และสร้างภาพเท่านั้น