ประหาร! ร.ต.ท. ฆ่าโหดยกครัวเพื่อนตร. 4 ศพ
จากเหตุการณ์สะเทือนขวัญ ลอบยิง ร.ต.ท.ราชัน พันธ์วงศ์ พร้อมภรรยาและลูกตาย 4 ศพ ที่ปทุมธานี ล่าสุด ศาลตัดสินประะหาร ร.ต.ท.มนตรี แก้วรัตน์ อดีตพนักงานสอบสวน สภ.บางบัวทองแล้ว
ศาลจังหวัดปทุมธานี ได้นัดอ่านคำพิพากษาคดีอัยการเป็นโจทก์ยืนฟ้อง นายมนตรี แก้วรัตน์ หรือ ร.ต.ท.มนตรี แก้วรัตน์ ประจำ สภ.บางบัวทอง ในข้อหาฆ่าผู้อื่นและชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และ พ.ร.บ.อาวุธปืน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 24 มี.ค.53 ซึ่งจำเลยมีความผิดตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 289(7)ประกอบมาตรา 80,339 วรรคท้าย พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนฯ
การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำความผิดหลายกรรมต่างกันลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และฐานฆ่าผู้อื่นเพื่อเอาทรัพย์ไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแก่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่น เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานฆ่าผู้อื่นซึ่งเป็นบทหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 ให้ประหารชีวิต ฐานฆ่าผู้อื่นเพื่อจะเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแก่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่น อีก 3 กระทง ประหารชีวิตทุกกระทง ฐานพยายามฆ่าผู้อื่นเพื่อเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์จำคุกตลอดชีวิต ฐานมีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นไว้ในครอบครอง จำคุก 1 ปี ฐานพกพา ให้ลงโทษจำคุก 6 เดือน
แม้จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 เพียงใดก็ตามเ มื่อพิจารณาจากลักษณะการกระทำ ซึ่งเป็นไปโดยอุกอาจไม่ยำเกรงต่อกฎหมายบ้านเมือง เป็นการกระทำที่เหี้ยมโหดไร้มนุษยธรรม ก่อให้เกิดผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของสังคม พฤติการณ์แห่งคดีจึงเป็นเรื่องร้ายแรง จึงไม่ลดโทษให้จำเลย คงลงโทษประหารชีวิตจำเลยสถานเดียว ริบของกลางกับให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ร่วมที่ 1 และที่ 2 คนละ 240,000 บาท แก่โจทก์ร่วมที่ 3 เป็นเงิน 1,610,746 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันละเมิด(วันที่ 24 มีนาคม 2553)จนกว่าจำชำระเสร็จแก่โจทก์ร่วมทั้งสาม ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความให้เป็นพับ
ย้อนรอยเหตุการณ์ระเทือนขวัญ 25 มี.ค. 2553
สภ.สามโคก จ.ปทุมธานี รับแจ้งมีผู้พบศพผู้เสียชีวิต จำนวนหลายรายบริเวณริมถนนวงแหวนฝั่งตะวันตก (ทางหลวงหมายเลข 9) หลัก กม.ที่ 64-65 ม.2 ต.บางเตย อ.สามโคก จึงรุดไปที่เกิดเหตุ พบรถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ สีเทาดำ เลขทะเบียน ฌย 1188 กทม. จอดข้างทางภายในรถมีเสื้อเครื่องแบบตำรวจแขวนอยู่ระบุชื่อ ร.ต.ท.ราชัน พันธ์วงศ์ ตรวจสอบภายในรถพบศพ ด.ญ.ญานิสา หรือน้องออย พันธ์วงศ์ อายุ 5 ขวบ นอนหงายเสียชีวิตอยู่บนเบาะด้านหลัง สภาพศพถูกยิงเข้าที่ลำคอ และที่พื้นรถใกล้กันพบศพด.ช.จิรายุ หรือน้องโอม พันธ์วงศ์ อายุ 3 ขวบ เสียชีวิตอยู่ในสภาพนั่งคุดคู้ ถูกยิงที่บริเวณคิ้วซ้าย
นอกจากนี้พบยังศพชายนอนคว่ำหน้าอยู่พื้นดินข้างทาง ห่างจากจุดที่จอดรถประมาณ 10 เมตร ทราบชื่อว่าคือ ร.ต.ท.ราชันย์ พันธ์วงศ์ อายุ 37 ปี สังกัด สภ.บางบัวทอง และยังพบศพหญิงสาวนอนหงายเสียชีวิตอยู่ในป่าหญ้าลึกเข้าไปจากถนนประมาณ 50 เมตร ถูกยิงที่เบ้าตา ทราบชื่อนางเนาวรัตน์ พันธ์วงศ์ อายุ 33 ปี นอกจากนี้ยังทราบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 1 ราย ชื่อด.ญ.ระวิสรา หรือน้องออม พันธ์วงศ์ อายุ 6 ปี ถูกยิงเข้าไหปลาซ้ายและแขนซ้าย
นางวารีรัตน์ นิ่มอนงค์ อายุ 45 ปี พี่เลี้ยงที่ดูแลลูกของผู้ตาย เดินทางมาดูที่เกิดเหตุ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุ ร.ต.ท.ราชันเดินทางกลับไปเที่ยวบ้านที่จ.ลำปาง เมื่อวันอังคารที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา ไปส่งน้องแก๊ป อายุ 13 ปี ซึ่งเป็นลูก ร.ต.ท.ราชันกับภรรยาเก่า ขาไปทั้งหมด 6 คน ขากลับกลับมา 5 คน ส่วนทรัพย์สินที่พกติดตัวไปด้วย ทั้งสร้อยคอทองคำ พระสมเด็จเลี่ยมทอง และแหวนทองคำ นาฬิกาโรเล็กซ์ฝังเพชรและปืนพก รวมมูลค่ากว่า 6 แสนบาท ที่มักติดตัวอยู่ประจำหายไปด้วย
ส่วนสาเหตุการฆาตกรรมนั้นไม่ทราบว่าเกิดจากสาเหตุใด ด้านพล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น ผบช.ภ.1 ซึ่งเดินทางไปตรวจที่เกิดเหตุ เปิดเผยว่า เชื่อว่าคนร้ายมีไม่ต่ำกว่า 2 คนและรู้จักผู้ตายเป็นอย่างดี จากการตรวจสอบสภาพศพร.ต.ท.ราชันและนางเนาวรัตน์พบว่าถูกยิงด้วยปืนลูกซอง ส่วนศพของเด็กทั้ง 2 คนถูกยิงด้วยปืนไม่ทราบชนิด โดยคนร้ายได้จ่อยิงเด็กทั้ง 2 ทีละคนอย่างโหดเหี้ยม
รวบตัว ร.ต.ท. ฆ่าโหด
ความคืบหน้าฆ่าโหด ร.ต.ท.ราชัน พันธ์วงศ์ ตำรวจ สภ.บางบัวทอง เสียชีวิตพร้อมภรรยาและลูกเล็กอีก 2 คน ล่าสุดตำรวจกองปราบปรามสามารถจับกุมตัวคนร้ายได้แล้วคือ ร.ต.ท.มนตรี แก้วรัตน์ อดีตพนักงานสอบสวน สภ.บางบัวทอง เพื่อนสนิทของผู้ตาย
เบื้องต้น ร.ต.ท.มนตรี ให้การรับสารภาพก่อเหตุจริง เพราะโกรธแค้นที่ผู้ตายไปเป็นพยานในคดีของตนที่ตกเป็นผู้ต้องหายิงคนเสียชีวิตที่ จ.กาญจนบุรี รวมทั้งยังขัดแย้งกันในเรื่องธุรกิจที่ทำร่วมกันด้วย ทั้งนี้ ร.ต.ท.มนตรี ได้กล่าวขอโทษที่ยิงภรรยา และบุตรของผู้เสียชีวิต
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้นำตัวผู้ต้องหาไปสอบสวนเพิ่มเติมต่อ ที่สถานีตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี เพื่อเตรียมทำแผนประกอบคำรับสารภาพต่อไป