นายกฯเร่งทำงานเชิงรุกหาคนบงการบึ้ม

นายกฯเร่งทำงานเชิงรุกหาคนบงการบึ้ม

นายกฯเร่งทำงานเชิงรุกหาคนบงการบึ้ม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายกฯ ยืนยัน ตำรวจกำลังเร่งทำงานเชิงรุก แก้ปัญหาเหตุระเบิดรายวัน พร้อมวอนประชาชน ช่วยแจ้งเบาะแสหากพบเห็นสิ่งผิดปกติ พร้อมสั่งขยายผลผู้ร่วมขบวนการระเบิด เชื่อ อีกไม่นานปัญหาจบ

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์ ถึงเหตุการณ์ระเบิดในหลายจุดว่า ขณะนี้เจ้าหน้าตำรรวจ มีการปรับแนวทาง โดยมีการเร่งทำงานในเชิงรุกมากขึ้น ทำให้การสืบสวนขยายผล ผู้ร่วมขบวนการง่ายมากขึ้น และหากประชาชน และเจ้าหน้าที่ร่วมกันทำงาน ก็จะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานเพิ่มมากขึ้น และเป็นการดี ที่จะทำให้ปัญหาต่างๆ สงบลง และบ้านเมืองก็เข้าสู่สภาวะปกติโดยเร็ว ซึ่งหลายเหตุการณ์มีการออกหมายจับแล้ว และขยายผลผู้ต้องหา ที่ถูกจับกุมได้ก่อนหน้านี้ ส่วนการร้องเรียน เรื่องการจับกุมผู้ชุมนุมทางกาเรมือง ไม่เป็นธรรมนั้น ตนได้สั่งกระทรวงยุติธรรม ไปตรวจเรือนจำทั่วประเทศแล้ว เพื่อให้ความช่วยเหลือต่อไป

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวด้วยว่า ความรุนแรงต่างๆ ไม่ควรเกิดขึ้นในสังคมไทย ซึ่งในระหว่างเดินทางไปปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ หลายประเทศ อยากเห็นประเทศไทยสงบ พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ยังเรียกร้องให้ประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตาร่วมแจ้งเบาะแสแก่เจ้าหน้าที่ หากพบเห็นสิ่งผิดปกติ โดยเชื่อว่าหากทำได้บ้านเมืองก็จะเดินหน้าต่อไปได้ ส่วนปัญหาการเมืองก็ต้องด้วยระบบรัฐสภา อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ไม่ได้ให้ความชัดเจนว่า จะมีการยุบสภาในช่วง ก.พ. ปีหน้า ตามหที่หลายฝ่ายออกมาคาดการณ์หรือไม่ แต่ระบุว่า อยากให้การทำงานของรัฐบาล และคณะกรรมการปรองดองชุดต่างๆ ที่ตั้งขึ้น ทำงานต่อเนื่องไปถึงสิ้นปีนี้

ส่วนการเดินสายพบปะหลายฝ่ายของ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี นั้น ยืนยันว่า ทำในนามส่วนตัว ซึ่งถือเป็นจุดแข็งของ พล.ต.สนั่น ที่มีการประสานได้กับทุกกลุ่ม ซึ่งถือเป็นรื่องที่ดี ทั้งนี้ ตนเชื่อว่า พล.ต.สนั่น อยากนำข้อมูลที่มีมาหารือตน เพื่อประกอบการพิจารณา

นายกรัฐมนตรี ยังยืนยันด้วยว่า ความสัมพันธ์ของไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ขณะนี้ดีขึ้นเรื่อยๆ พร้อมเตรียมหารือทางการพม่า เรื่องแรงงานต่างด้าว ปัญหายาเสพติด การส่งเสริมการค้าชายแดน และการพัฒนาในด้านต่างๆ ร่วมกันในระยะยาว

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง กระแสข่าวการเปลี่ยนแปลงพรรคร่วมรัฐบาลว่า มีข่าวมาโดยตลอด แต่ขณะนี้ตนต้องการที่จะกำหนดนโยบาย ที่จะสอดคล้องกับปัญหา หลังจากทำงานร่วมกันมากว่า 2 ปี ซึ่งกระแสข่าวที่ออกมา ในขณะที่ ใกล้การพิจารณายุบพรรคประชาธิปัตย์ นั้น มองว่า มีความเป็นไปได้ ที่ทุกคนจะคาดการณ์ไว้ แต่ตนมีหน้าที่เดินหน้าทำงานต่อไป และไม่มีความกังวลกับการเคลื่อนไหวของบุคคลต่างๆ ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าข่าวออกมาจากผู้ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล แต่ผู้ใดจะสั่งการอย่างไรนั้น เห็นว่า การตัดสินอยู่ที่ตน และพรรคร่วมรัฐบาล

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึง กรณีผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชน ยังไม่เชื่อมั่นการปรองดอง ว่า เรื่องดังกล่าวต้องใช้ระยะเวลา เพราะเป็นเรื่องยาก อีกทั้งหลายคนยังมีความสับสนอยู่ เข้าใจไม่ตรงกัน ความสมานฉันท์ปรองดองนั้น คือการเดินหน้าให้สังคมยอมรับกติการ่วมกัน ไม่ใช่การต่อรองผลประโยชน์ และไม่ได้มองว่า การต่อรองนำไปสู่ความปรองดอง

ขณะเดียวกัน การปรองดอง ต้องไม่มองว่าเป็นการเลือกข้าง แต่ต้องมองว่าเป็นการต่อสู้กับผู้ที่ไม่เอาความรุนแรง กับผู้ที่ต้องใช้ความรุนแรง ในการทำงานการเมือง ซึ่งเชื่อว่าฝ่ายรักความสงบ จะเป็นเสียงส่วนใหญ่ และจะทำให้บ้านเมืองเดินหน้าได้

ส่วนกรณีที่ นายบัน คีมูล เลขาธิการสหประชาชาติ หรือ UN ตอบรับที่จะเดินทางมาเยือน ภายในวันที่ 26 ต.ค. นี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะทำให้เกิดความเข้าใจสถานการณ์ทางการเมืองได้มากขึ้น หรือไม่นั้น เห็นว่าไม่มีปัญหา เพราะที่ผ่านมา ได้มีการพูดคุยแล้วว่า ปัญหาภายในประเทศ และ นายบัน คีมูล ก็เข้าใจเหตุการณ์ค่อนข้างดี รวมทั้งสนับสนุนแนวทาง ของรัฐบาล ที่พยายามเดินหน้าแก้ไขปัญหา แต่บทบาทของภายในภูมิภาคนั้น ยังมีความคาดหวังอยู่มาก ซึ่งจะต้องมีการพูดคุยในประเด็นนี้ รวมทั้ง มีเรื่องคาบเกี่ยวในเรื่องที่อยู่ในความสนใจ และเรื่องเพื่อนบ้าน พร้อมกับการเคลื่อนย้ายคนข้ามเขแดน หรือ ต่างด้าว ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับองค์กรของ UN โดยตรง

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง มาตรการแก้ไขปัญหาค่าเงินบาทแข็งในขณะนี้ว่า การขยายตัวการส่งออกยังสามารถไปได้ แต่รายได้ที่ผ่อนกลับมาเป็นเงินบาท จะได้รับผลกระทบ ตามที่ค่าแข็งบาทแข็งขึ้น ซึ่งจะต้องดูว่าจะช่วยผู้ส่งออกได้อย่างไรบ้างและในวันอังคารนี้ ก็จะมีการเสนอมาตรการ ซึ่งคงจะบรรเทาปัญหาได้ ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. ก็จะต้องดูว่าจะมีการเคลื่อนย้ายเงินทุน ที่จะทำให้มีลักษณะ ทำให้เกิดความเสียหายหรือไม่ และหากมีก็จะต้องใช้มาตรการ พร้อมกับต้องประเมินผลกระทบด้วย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook