อภิสิทธิ์ ยืนยันแผนปฏิรูปประเทศไทยเป็นรูปธรรมก่อนปีใหม่

นายกรัฐมนตรียืนยันเดินหน้าแผนปฏิรูปประเทศไทยให้เห็นเป็นรูปธรรมก่อนปี 54 เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้คนไทย เผยเป็นเรื่องท้าทายพรรคการเมืองที่จะเป็นรัฐบาล ว่าพร้อมสานต่อแผนปฏิรูป ประเทศไทยเพื่อเป็นมรดกของชาติหรือไม่

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังรับฟังรายงานข้อสรุปความเห็นโครงการร่วมเดินหน้าปฏิรูปประเทศ ไทยเพื่ออนาคตคนไทยที่เท่าเทียม และเป็นธรรม จากนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะรองประธานคณะกรรมการสำนักงานร่วมเดินหน้าปฏิรูปประเทศไทย สำนักนายกรัฐมนตรี ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ว่า หลังจากคณะกรรมการปฏิรูปฯดำเนินการสำรวจความเห็นประชาชนจากทุกกลุ่มอาชีพ กว่า 100,000 ตัวอย่าง มีเรื่องที่ประชาชนต้องการให้เร่งแก้ไขเป็นการด่วนอยู่ 5 เรื่อง คือ 1. การกระจายที่ดินทำกิน และโฉนดชุมชน 2. ลดภาระค่าครองชีพสำหรับผู้มีรายได้น้อย 3. ผู้ที่อยู่ในระบบเศรษฐกิจนอกระบบ อาทิ ผู้ขับรถแท็กซี่ มอเตอร์ไซค์รับจ้าง เป็นต้น 4. ต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น และ 5. ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งทั้ง 5 เรื่องสามารถทำได้ทันที ทั้งนี้ จะไม่มอบหมายให้กระทรวงใด หรือหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งไปรับผิดชอบ แต่จะขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่งตัวแทนที่รู้จริง มาร่วมในคณะกรรมการ คาดว่าจะได้จะได้กรรมการมาแก้ไขเรื่องเร่งด่วนทั้ง 5 เรื่องภายในสิ้นเดือนตุลาคมนี้

นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องที่จะต้องใช้เวลาในการเดินหน้า ทำให้ออกมาเป็นรูปธรรม มีทั้งหมด 4 เรื่อง คือ 1.ระบบเศรษฐกิจ เพื่อความเท่าเทียมและเป็นธรรม 2.การยกระดับคุณภาพชีวิต และขยายระบบสวัสดิการสังคม 3.ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม การเมือง และสังคม และ 4.การสร้างอนาคตของชาติ ด้วยการพัฒนาคน เด็ก และเยาวชน ทั้ง 4 เรื่อง ยืนยันว่าจะนำไปใช้ได้ก่อนปี 2554 และจะมีการประกาศใช้ในวันที่ 1 มกราคม ปี 2554 เพื่อเป็นของขวัญให้กับคนไทยทุกคน ซึ่งหัวใจหลักในการปฏิรูปเรื่องนี้ จะเน้นเรื่องความเท่าเทียม เป็นธรรม ของคนในสังคม การอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี หากประสบความสำเร็จ จะถือเป็นการลบคำสบประมาทที่หลายฝ่ายกล่าวว่า การดำเนินการครั้งนี้เป็นการสร้างภาพของรัฐบาล และไม่สามารถแก้ไขอะไรได้

ทั้งนี้ สิ่งที่ต้องการเห็นก่อนที่รัฐบาลชุดนี้จะลงจากตำแหน่ง คือผลงานที่ตอบโจทย์ประชาชนได้อย่างแท้จริง และถือเป็นสิ่งที่ท้าทายนโยบายการทำงานของพรรคการเมืองต่างๆ ที่จะมาช่วงชิงเป็นหัวหน้ารัฐบาล ว่าจะสามารถสานต่อเรื่องนี้ได้เพียงใด หากทำสำเร็จผลงานชิ้นนี้จะถือเป็นมรดกของประเทศชาติ ในอนาคต.