รู้สึกเหนื่อยล้าตลอดเวลา แพทย์แผนจีนวิเคราะห์ 3 กิจวัตรที่คุ้นเคย "ดื่มกาแฟ" ก็มีผล
Thailand Web Stat

รู้สึกเหนื่อยล้าตลอดเวลา แพทย์แผนจีนวิเคราะห์ 3 กิจวัตรที่คุ้นเคย "ดื่มกาแฟ" ก็มีผล

รู้สึกเหนื่อยล้าตลอดเวลา แพทย์แผนจีนวิเคราะห์ 3 กิจวัตรที่คุ้นเคย "ดื่มกาแฟ" ก็มีผล
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ทำไมรู้สึกเหนื่อยล้าตลอดเวลา แพทย์แผนจีนวิเคราะห์ 3 กิจวัตรที่หลายคนชอบทำจนชิน นิสัย "ดื่มกาแฟ" ก็มีผล

แพทย์แผนจีน เฉินเจ้าเฉวียน จากคลินิกแพทย์แผนจีนฟูหยวน เผยว่า หากรู้สึกเหนื่อยล้าอยู่ตลอดเวลา อาจเกิดจาก "3 พฤติกรรมแย่ ๆ" ในชีวิตประจำวันที่ทำให้ร่างกายอ่อนล้า ได้แก่

  1. นอนแช่เตียงนานเกินไป
    หลายคนคิดว่าหากนอนดึก คืนถัดไปแค่ตื่นสายและนอนชดเชยก็เพียงพอ แต่แพทย์แผนจีนเชื่อว่าการนอนนานเกินไปจะทำให้การไหลเวียนของพลังงานและเลือดช้าลง ส่งผลให้ร่างกายอ่อนเพลียมากขึ้น ทางที่ดีควรตื่นขึ้นมาขยับร่างกายประมาณ 10 นาทีหลังตื่นนอน เพื่อช่วยให้ร่างกายตื่นตัวอย่างเป็นธรรมชาติ

  2. ดื่มกาแฟมากเกินไป
    แม้ว่ากาแฟจะช่วยให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าในระยะสั้น แต่จริง ๆ แล้วมันเพียงกระตุ้นระบบประสาทซิมพาเทติก (Sympathetic Nervous System) ให้ตื่นตัวเท่านั้น ไม่ได้ช่วยบำรุงพลังงานและเลือดของร่างกายอย่างแท้จริง เมื่อลดปริมาณคาเฟอีน ร่างกายจะกลับมาเหนื่อยล้าและยิ่งต้องพึ่งกาแฟมากขึ้น แพทย์แผนจีนแนะนำให้ดื่มชาเก๋ากี้ ชาแดง หรือชาอึ้งคี้แทน เพราะช่วยบำรุงพลังงานและฟื้นฟูร่างกายได้ดีกว่า

  3. กินอาหารดิบและเย็นมากเกินไป
    หลายคนชอบดื่มชานมเย็นหรือกินสลัด แต่แพทย์แผนจีนเชื่อว่าม้ามและกระเพาะอาหารเป็นเสมือนเครื่องกำเนิดพลังงานของร่างกาย หากอวัยวะเหล่านี้อ่อนแอ การไหลเวียนของพลังงานและเลือดก็จะลดลง ทำให้รู้สึกเหนื่อยง่าย ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยงอาหารเย็นจัด และดื่มชาขิงแดงเพื่อช่วยเสริมการทำงานของม้ามและกระเพาะอาหาร

Advertisement

ดื่มกาแฟให้ถูกเวลา

แพทย์เฉพาะทางด้านต่อมไร้ท่อและเมตาบอลิซึม ดร. ไช่หมิงเจี๋ย แนะนำ "3 เคล็ดลับการดื่มกาแฟ" ได้แก่

  • ไม่ควรดื่มกาแฟทันทีหลังตื่นนอน เพราะช่วงเช้าร่างกายมีฮอร์โมนคอร์ติซอล (ฮอร์โมนความเครียด) สูงสุดอยู่แล้ว
  • เวลาดื่มกาแฟที่เหมาะสมคือช่วง 10 โมงเช้าหรือหลังมื้อกลางวัน เพื่อให้พลังงานอยู่ได้นานขึ้น
  • ไม่ควรดื่มกาแฟเกินวันละ 5 แก้ว และไม่ควรดื่มตอนบ่ายแก่ ๆ หรือช่วงเย็น เพราะคาเฟอีนใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมงในการสลาย อาจรบกวนการนอนหลับได้

นอกจากนี้ งานวิจัยยังพบว่า การดื่มกาแฟ 30-60 นาทีก่อนออกกำลังกาย สามารถช่วยเพิ่มพละกำลัง ลดความเมื่อยล้า และช่วยให้ร่างกายทนต่อการออกแรงได้ดีขึ้น หลายประเทศถึงกับห้ามนักกีฬาดื่มกาแฟก่อนแข่งเพราะถือว่าเป็นสารกระตุ้น

ดังนั้น หากอยากให้ร่างกายมีพลังงานมากขึ้น ควรปรับพฤติกรรมการนอน ลดการพึ่งพากาแฟ และหลีกเลี่ยงอาหารเย็นจัด เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวและมีพลังงานที่ดีขึ้นอย่างแท้จริง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
kookkak

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เราใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดบน
เว็บไซต์ของเรา โปรดศึกษาเพิ่มเติมที่
นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้