"ฟอกเงิน" คืออะไร ทำไมต้องฟอก "เงินสกปรก เงินสะอาด" แยกอย่างไร
Thailand Web Stat

"ฟอกเงิน" คืออะไร ทำไมต้องฟอก "เงินสกปรก เงินสะอาด" แยกอย่างไร

"ฟอกเงิน" คืออะไร ทำไมต้องฟอก "เงินสกปรก เงินสะอาด" แยกอย่างไร
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"ฟอกเงิน" คืออะไร ทำไมต้องฟอก วิธีการเป็นแบบไหน แล้วเงินสกปรก เงินสะอาดแยกอย่างไร จะรู้ได้ไงว่าเงินสะอาดแล้ว

การฟอกเงิน (Money Laundering) หมายถึง กระบวนการที่ทำให้เงินหรือทรัพย์สินที่ได้มาจากกิจกรรมผิดกฎหมาย เช่น การค้ายาเสพติด การค้ามนุษย์ หรือการหลอกลวงต่างๆ ดูเสมือนว่าเป็นเงินที่ได้มาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เปรียบเสมือนการทำความสะอาดเงินที่มีแหล่งที่มาไม่ถูกต้องหรือไม่ถูกกฎหมาย เพื่อให้เงินดังกล่าวสามารถหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้โดยไม่ต้องสงสัย

ทำไมต้องฟอกเงิน

เงินที่ได้จากกิจกรรมผิดกฎหมายจะไม่สามารถนำไปใช้ในระบบการเงินปกติได้ เนื่องจากมีความเสี่ยงที่เจ้าหน้าที่ของรัฐหรือหน่วยงานตรวจสอบจะสืบทราบถึงแหล่งที่มาของเงิน และเมื่อถูกตรวจสอบ เงินเหล่านี้อาจถูกอายัดหรือยึดเป็นทรัพย์สินกลางได้ ดังนั้น อาชญากรจึงจำเป็นต้องหาวิธีการเพื่อเปลี่ยนแปลงลักษณะหรือที่มาของเงินให้ดูเหมือนถูกต้องตามกฎหมาย

วิธีการฟอกเงิน

การฟอกเงินประกอบไปด้วยหลายขั้นตอน อาจมีการแยกขั้นตอนหรือทำร่วมกัน ซึ่งมักมี 3 ขั้นตอนหลัก ดังนี้:

  1. การนำเงินเข้าสู่ระบบ (Placement)
    ขั้นตอนแรกคือการนำเงินจากกิจกรรมผิดกฎหมายเข้าสู่ระบบการเงินอย่างถูกกฎหมาย เช่น การฝากเข้าบัญชีธนาคาร การซื้อสินทรัพย์ หรือการนำเงินสดไปแปลงเป็นรูปแบบอื่นที่ยากต่อการตรวจสอบ

  2. การทำให้เงินแยกออกจากแหล่งที่มา (Layering)
    ขั้นตอนนี้คือการซ่อนแหล่งที่มาของเงินที่ไม่ถูกกฎหมายผ่านกระบวนการหลายขั้นตอน เช่น การโอนเงินผ่านบัญชีหลายบัญชี การลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ หรือการซื้อขายหุ้น เพื่อให้การตรวจสอบแหล่งที่มาเป็นไปได้ยาก

  3. การรวมเงินกลับสู่ระบบเศรษฐกิจ (Integration)
    เมื่อทำการเปลี่ยนแปลงและซ่อนที่มาของเงินสำเร็จแล้ว อาชญากรจะทำการนำเงินดังกล่าวกลับเข้าสู่ระบบการเงินปกติ เช่น นำไปลงทุนในธุรกิจถูกกฎหมาย ซื้อสินทรัพย์ หรือฝากเงินไว้ในธนาคาร

เงินสกปรก เงินสะอาดแยกอย่างไร

เงินสกปรกหมายถึงเงินที่ได้มาจากกิจกรรมผิดกฎหมาย เช่น การค้ายาเสพติด การฟอกเงิน การค้ามนุษย์ หรือการหลอกลวงทางการเงิน ส่วนเงินสะอาดคือเงินที่ได้มาจากการทำงานที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือธุรกิจที่ชอบธรรม

Advertisement

การแยกเงินสกปรกออกจากเงินสะอาดนั้นจะดูจากแหล่งที่มาของเงิน หากเงินนั้นไม่มีหลักฐานหรือไม่สามารถชี้แจงได้ว่าได้มาอย่างถูกต้อง ก็อาจจะถือว่าเป็นเงินสกปรก การตรวจสอบนี้ทำได้โดยการติดตามกระบวนการทางการเงิน เช่น การตรวจสอบบัญชีธนาคาร การตรวจสอบธุรกรรม หรือการตรวจสอบแหล่งรายได้ของผู้ถือเงิน

วิธีการยอดฮิตที่อาชญากรใช้ฟอกเงิน

อาชญากรมักใช้วิธีการฟอกเงินโดยซ่อนเงินที่ได้จากกิจกรรมผิดกฎหมายผ่านธุรกิจที่ดูเป็นธุรกิจชอบธรรมเพื่อลดความสงสัย เช่น:

  • ธุรกิจร้านอาหารหรือบาร์: เป็นธุรกิจที่เงินสดหมุนเวียนสูง ทำให้การฟอกเงินทำได้ง่ายโดยการเพิ่มรายรับปลอมเพื่อซ่อนเงินผิดกฎหมาย
  • ธุรกิจค้าปลีกและการค้าออนไลน์: ใช้ธุรกิจเหล่านี้ในการหมุนเงินให้ดูเหมือนเป็นเงินที่ถูกต้อง
  • ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์: ซื้อ-ขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อปกปิดที่มาของเงินและเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินที่มีแหล่งเงินมาจากกิจกรรมผิดกฎหมาย
  • บริษัทการลงทุนหรือฟอกเงินผ่านการลงทุน: การโอนเงินผ่านกองทุนหรือหุ้นเพื่อให้เกิดการเคลื่อนไหวของเงินที่ซับซ้อน
  • การฟอกเงินผ่านเงินคริปโต: การใช้เงินสกุลดิจิทัลหรือสกุลเงินคริปโตเป็นอีกวิธีที่เริ่มนิยมในปัจจุบัน เนื่องจากความยากในการติดตามธุรกรรมทางการเงิน

ความผิดฐานฟอกเงินและบทลงโทษตามกฎหมายไทย

ภายใต้กฎหมายของประเทศไทย การฟอกเงินเป็นความผิดอาญาที่มีบทลงโทษตาม พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ผู้ที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานฟอกเงินจะต้องรับโทษดังนี้:

  • โทษจำคุก: ตั้งแต่ 1 ปีถึง 10 ปี
  • โทษปรับ: ไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
  • การริบทรัพย์: หากพบว่าเงินหรือทรัพย์สินที่ได้มาจากการฟอกเงินถูกยึดหรืออายัด เจ้าหน้าที่จะทำการริบทรัพย์สินเหล่านั้นเพื่อนำไปเป็นทรัพย์สินกลางของรัฐ

การฟอกเงินเป็นกระบวนการที่อาชญากรใช้เพื่อซ่อนที่มาของเงินที่ได้จากกิจกรรมผิดกฎหมาย วิธีการฟอกเงินมีหลากหลายและซับซ้อนมากขึ้นตามความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี เช่น การใช้ธุรกิจบังหน้า หรือการใช้สกุลเงินดิจิทัลเป็นเครื่องมือ หากพบว่ามีการฟอกเงิน จะมีบทลงโทษที่รุนแรงตามกฎหมายไทย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
กำลังโหลดข้อมูล
kookkak

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เราใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดบน
เว็บไซต์ของเรา โปรดศึกษาเพิ่มเติมที่
นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้