พท.ซัดรัฐแก้น้ำท่วมช้า-มีตุนของบริจาค
โฆษกพรรคเพื่อไทย "พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์" ชี้ปัญหาน้ำท่วม รัฐบาลตั้งใจดี แต่ดำเนินการช้า ขาดความเป็นมืออาชีพ ขณะพบข้อมูลองค์กรปกครองท้องถิ่น บางแห่ง กักตุนของช่วยเหลือ
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึง กรณีที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมว่า เป็นความคิดที่ดี แต่ล่าช้า ไม่ทันกับสถานการณ์ และขาดความเป็นมืออาชีพ โดยจากการลงพื้นที่ของคณะทำงานพรรคเพื่อไทย พบปัญหาการขาดการบูรณาการระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ทำให้ประชาชนไม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างทั่วถึง รวมถึงบางพื้นที่ มีประชาชนร้องเรียนว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีการเก็บกักสิ่งของบริจาคไว้ ทำให้การช่วยเหลือไม่ถึงมือประชาชนที่เดือดร้อน จึงขอเรียกร้องไปยังรัฐบาล ให้นำเรื่องดังกล่าว เข้าเป็นวาระแห่งชาติ และเสนอให้นายกรัฐมนตรี สั่งการไปยังรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีทั้งหมด ให้ลงพื้นที่ประจำทุกจังหวัด เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว
นายพร้อมพงศ์ ยังเปิดเผยว่า คณะทำงานของพรรคเพื่อไทย จะลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยน้ำท่วม โดยวันนี้จะเดินทางไปที่ จังหวัดชัยภูมิ และในวันจันทร์ ที่ 25 ต.ค. จะเดินทางไปยังพื้นที่จังหวัดขอนแก่น พร้อมปฏิเสธกรณีที่มีการปล่อยข่าวว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทย ไม่ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อน โดยยืนยันว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทย ทุกคน ช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ แต่ติดขัดในข้อกฎหมาย จึงเป็นหน้าที่หลักของรัฐบาล ในการให้การช่วยเหลือ
นอกจากนี้ โฆษกพรรคเพื่อไทย ยังกล่าวถึง กรณีที่ นายวิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุว่า พรรคเพื่อไทย เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง การทำคลิปการสนทนาระหว่างตุลาการ ศาลรัฐธรรมนูญ กับทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ ในคดีเงินบริจาค 258 ล้าน และเงินสนับสนุนพรรคการเมือง 29 ล้านบาท และจะฟ้องร้องให้ยุบพรรคเพื่อไทย โดยระบุว่า นายวิรัตน์ พยายามบิดเบือนข้อเท็จจริง รวมถึงยังเห็นว่า เป็นการหักหลังกันเอง ภายในรัฐบาล เนื่องจากข้อมูลที่พรรคเพื่อไทยได้รับ เป็นข้อมูลเชิงลึก ที่มีแต่คนในรัฐบาลเท่านั้น ที่ทราบ
ทั้งนี้ คณะทำงานพรรคเพื่อไทย ได้ตรวจสอบคลิปดังกล่าวแล้วเห็นว่า เป็นการกระทำที่ผิดจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ โดยในวันที่ 27 ต.ค. นี้ โดย นายเกียรติอุดม เมนะสวัสดิ์ ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้ร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง ให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ จะเข้ายื่นเรื่องต่อคณะกรรมการตรวจสอบคลิป ที่ศาลรัฐธรรมนูญ ตั้งขึ้น ให้ตรวจสอบคำพูดและเนื้อหาสาระในการสนทนาดังกล่าว นอกเหนือจากการตรวจสอบหาที่มาของคลิปด้วย