หมอเตือนแล้วนะ "ผู้สูงอายุ" นอนหลับถึงเที่ยง ยังดีกว่าตื่นเช้ามาทำ 3 สิ่งนี้!
.jpg?ip/crop/w1200h700/q80/jpg)
ถ้าการตื่นเช้าสามารถทำให้ผู้คนมีสุขภาพแข็งแรงได้จริง แต่เหตุใดผู้สูงอายุหลายคนจึงมีปัญหาสุขภาพมากขึ้นเมื่อตื่นเช้า?
หลายคนเชื่อว่าการเข้านอนเร็วและตื่นเช้าเป็นผลดีต่อสุขภาพ อย่างไรก็ดี ตามรายงานจากเว็บไซต์ doisongphapluat ในมุมมองของทางการแพทย์ การนอนจนถึงเที่ยงไม่ได้เป็นความขี้เกียจ แต่เป็นการให้ร่างกายมีโอกาสปรับตัว โดยเฉพาะผู้ที่มีแนวโน้มเป็นความดันโลหิตสูง น้ำตาลในเลือดไม่คงที่ มีปัญหาด้านหลอดเลือดและหัวใจ การตื่นเช้าเกินไปถือเป็นการทรมานอย่างยิ่ง
แม้การตื่นเช้านั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่ในขณะเดียวกันนั้น ตอนเช้าถือเป็นช่วงเวลาที่สภาพทางสรีรวิทยาของร่างกายมนุษย์ไม่คงที่ หากตื่นขึ้นมาเพื่อทำ "บางสิ่ง" อย่างไม่ระมัดระวัง ก็อาจอาจนำอันตรายแอบแฝงมาสู่ร่างกาย ส่งผลเสียต่อสุขภาพได้เช่นกัน แล้วสิ่งใดบ้างที่คุณไม่ควรทำ?
ไม่ควรดื่มน้ำจำนวนมากทันทีหลังจากตื่นนอนตอนเช้า
ร่างกายของมนุษย์ในช่วงเช้ามักมีภาวะขาดน้ำ โดยเฉพาะเมื่ออายุมากขึ้น การไหลเวียนของเลือดจะช้ากว่าตอนยังอายุน้อย และหลอดเลือดก็มีความยืดหยุ่นน้อยลง การดื่มน้ำมากๆ ในเวลานี้ทันที จะทำให้ความดันโลหิตขึ้นๆ ลงๆ และอาจเกิดความเสี่ยงหลอดเลือดหัวใจและสมอง
มีเคสคนไข้อายุเกิน 60 ปี สุขภาพแข็งแรงดี เขาตื่นนอนตอนหกโมงเช้าทุกวัน และดื่มน้ำหนึ่งแก้วใหญ่ ผลคืออยู่มาวันหนึ่งหลังจากดื่มน้ำเสร็จ ก็เกิดอาการเวียนหัวและหัวใจเต้นเร็วมากขึ้น ขณะที่เขาถูกนำส่งโรงพยาบาล มีอาการขาดเลือดในสมองชั่วคราว สาเหตุคือความสามารถในการควบคุมหลอดเลือดของเขาลดลง หลังจากตื่นนอนตอนเช้า ความดันโลหิตของไม่คงที่ การดื่มน้ำในปริมาณมาก ส่งผลให้ปริมาณเลือดเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ร่างกายไม่มีเวลาที่จะปรับตัว จนเกิดปัญหาตามมา
ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุดคือการนอนบนเตียงสักพัก รอจนกว่าร่างกายจะปรับตัวได้เต็มที่ แล้วจึงลุกขึ้นช้าๆ หลังจากนั้นประมาณ 10 นาที ให้ดื่มน้ำอุ่นเป็นจิบเล็กๆ แทนที่จะดื่มน้ำเย็น หรือดื่มน้ำในปริมาณมาก
อย่าเพิ่งลุกขึ้นมาออกกำลังกายตอนเช้าในทันที
ผู้สูงอายุหลายคนคิดว่าการได้รับอากาศบริสุทธิ์ในตอนเช้า และการออกไปออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ดีต่อร่างกาย แต่ที่จริงแล้วมันไม่ใช่เวลาที่ดีที่จะออกกำลังกาย เนื่องจากเมื่อตื่นนอนในตอนเช้า ระบบประสาทซิมพาเทติกจะทำงาน ความดันโลหิตจะสูงขึ้น และอัตราการเต้นของหัวใจก็จะเร็วขึ้น การออกกำลังกายในช่วงนี้ โดยเฉพาะการออกกำลังกายหนักๆ จะทำให้ระบบหัวใจและหลอดเลือดของทำงานหนักมากขึ้น
ยกตัวอย่างเคสชายวัย 70 ปีคนหนึ่ง ที่ตื่นนอนเวลาตี 5 ทุกวัน แล้วออกไปวิ่งจ็อกกิ้งในสวนสาธารณะ โดยเชื่อว่าการทำแบบนี้จะช่วยให้หัวใจและปอดของเขาทำงานได้ดีขึ้น แต่แล้ววันหนึ่งหลังจากวิ่งไปได้ไม่กี่ร้อยเมตร เขาก็รู้สึกเจ็บแปลบๆ ที่หน้าอกและเป็นลมล้มลงกับพื้น หลังจากนำส่งโรงพยาบาลจึงได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน แพทย์วิเคราะห์ว่าการออกกำลังกายตอนเช้าทำให้ความดันโลหิตเปลี่ยนแปลงกะทันหันจนเกิดอาการดังกล่าว
ความจริงแล้ว การออกกำลังกายตอนเช้าไม่เหมาะกับผู้สูงอายุ โดยเฉพาะในฤดูหนาวที่อุณหภูมิต่ำ ส่งผลให้หลอดเลือดตีบง่าย ความดันโลหิตสูงง่าย ซึ่งการออกกำลังกายกลางแจ้งในช่วงนี้อาจเพิ่มความเสี่ยงได้ ดังนั้น สำหรับผู้สูงอายุ แทนที่จะรีบเร่งออกกำลังกายในช่วงเช้ามืด อาจจะดีกว่าที่จะกำหนดเวลาออกกำลังกายในช่วงสายหรือบ่าย
อย่าตื่นเช้าขึ้นมาเพื่อรีบอาบน้ำ
บางคนมีนิสัยอาบน้ำในตอนเช้า โดยคิดว่าการอาบน้ำอุ่นในตอนเช้าจะช่วยให้ตื่นตัวและร่างกายผ่อนคลาย แต่สำหรับผู้สูงอายุ การอาบน้ำในตอนเช้ากลับเป็นอันตรายได้ เนื่องจากเมื่อคนเราเพิ่งตื่นนอน ความดันโลหิตและระดับน้ำตาลในเลือดจะยังไม่คงที่อย่างสมบูรณ์ การอาบน้ำจะทำให้หลอดเลือดขยายตัวอย่างกะทันหัน ส่งผลให้ความดันโลหิตลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะหรือถึงขั้นเป็นลมได้
มีเคสชายอายุ 65 ปี ที่ตื่นนอนเวลา 5.30 น. และอาบน้ำอุ่นตามปกติ อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นสักพักก็รู้สึกหน้ามืดและล้มลงในห้องน้ำ หลังจากที่ครอบครัวพบและนำส่งโรงพยาบาล แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นลมเนื่องจากความดันโลหิตต่ำ ซึ่งเป็นความเสี่ยงด้านสุขภาพโดยทั่วไปที่เกิดจากการอาบน้ำตอนเช้า
หลายคนคิดว่าการอาบน้ำไม่ใช่เรื่องร้ายแรง แต่ความจริงแล้ว สำหรับผู้สูงอายุ การอาบน้ำในเวลาที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพที่ร้ายแรงได้ ดังนั้น ควรเลือกอาบน้ำในช่วงบ่ายหรือเย็นจะดีที่สุด อุณหภูมิของน้ำไม่ควรสูงเกินไป และระยะเวลาในการอาบน้ำไม่ควรนานเกินไป โดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ ควรระวังอย่าอาบน้ำในตอนเช้าตรู่ เพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุจากความผันผวนของความดันโลหิต
- ต่างชาติเปิดท็อป "ผลไม้ช่วยอายุยืน" องุ่นยังอยู่อันดับ 7 แล้วอะไรอยู่อันดับแรก?!
- เลี่ยงได้เลี่ยง! 4 มื้อเช้าที่ “ชวนป่วย” บำรุงเซลล์มะเร็งแบบเงียบๆ หลายคนกินไม่รู้ตัว