ทำไม "เนื้อวัว" ถึงกินดิบได้ แล้วการกินเนื้อวัวดิบไม่อันตรายจริงหรือ?
Thailand Web Stat

ทำไม "เนื้อวัว" ถึงกินดิบได้ แล้วการกินเนื้อวัวดิบไม่อันตรายจริงหรือ?

ทำไม "เนื้อวัว" ถึงกินดิบได้ แล้วการกินเนื้อวัวดิบไม่อันตรายจริงหรือ?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ทำไมเนื้อวัวถึงกินดิบได้ แล้วการกินเนื้อวัวดิบไม่อันตรายจริงหรือ?

การกินเนื้อดิบเป็นเรื่องที่พบได้ในหลายวัฒนธรรม โดยเฉพาะในเมนูอาหารที่มีส่วนประกอบจากเนื้อวัวดิบ เช่น Steak Tartare (สเต็กทาร์ทาร์) จากฝรั่งเศส หรือ Yukhoe (ยุกฮเว) จากเกาหลีใต้ แต่มีคำถามที่ยังค้างคาใจหลายคนว่า การกินเนื้อวัวดิบปลอดภัยจริงหรือไม่? และเหตุใดเนื้อวัวจึงสามารถกินดิบได้ ในขณะที่เนื้อสัตว์ชนิดอื่นเช่น เนื้อไก่ หรือหมู ไม่แนะนำให้กินดิบ

ทำไมเนื้อวัวถึงกินดิบได้?

  1. ความหนาของกล้ามเนื้อและโครงสร้างของเนื้อวัว

    • เนื้อวัวมีโครงสร้างกล้ามเนื้อที่หนาและแข็งแรง ทำให้เชื้อแบคทีเรียมักจะอาศัยอยู่ที่บริเวณผิวด้านนอกของเนื้อวัว ไม่สามารถเจาะเข้าสู่ชั้นในของเนื้อได้ง่าย การกินเนื้อวัวดิบจึงมักจะปลอดภัยถ้าเนื้อได้รับการเตรียมอย่างถูกวิธี เช่น การฆ่าเชื้อที่ผิวด้านนอกก่อน

    • นอกจากนี้ เนื้อวัวที่ผ่านกระบวนการเตรียมแบบสดใหม่มักจะมีโอกาสเกิดการปนเปื้อนเชื้อโรคน้อยกว่าเมื่อเทียบกับเนื้อหมูหรือเนื้อไก่ ที่มีความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนแบคทีเรียที่รุนแรงมากกว่า เช่น Salmonella หรือ Campylobacter ซึ่งสามารถเข้าสู่ชั้นในของเนื้อได้ง่ายกว่า

  2. เนื้อวัวคุณภาพสูงและการควบคุมในกระบวนการผลิต

    • เนื้อวัวที่ใช้สำหรับการกินดิบ มักเป็นเนื้อวัวเกรดพิเศษที่ได้รับการดูแลในกระบวนการผลิตอย่างเข้มงวด เพื่อให้มั่นใจว่าปลอดจากเชื้อโรค เช่น เนื้อวากิวจากญี่ปุ่น หรือเนื้อที่มีตรารับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งกระบวนการฆ่าเชื้อในโรงงานและการขนส่งที่ถูกสุขอนามัยมีบทบาทสำคัญในการลดความเสี่ยงของการปนเปื้อน

การกินเนื้อวัวดิบไม่อันตรายจริงหรือ?

แม้ว่าเนื้อวัวสามารถกินดิบได้ในบางสถานการณ์ แต่ก็ยังมีความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนเชื้อโรคและปรสิตอยู่เช่นกัน โดยเฉพาะหากเนื้อไม่ได้รับการเตรียมอย่างถูกต้อง หรือไม่ได้มาจากแหล่งผลิตที่มีมาตรฐาน

  1. เชื้อแบคทีเรียที่เป็นอันตราย

    • เชื้อ E. coli สายพันธุ์ O157:H7 เป็นหนึ่งในเชื้อแบคทีเรียที่สามารถพบได้ในเนื้อวัวดิบ แม้ว่าเชื้อนี้มักจะพบที่ผิวด้านนอกของเนื้อ แต่หากกระบวนการเตรียมเนื้อไม่ถูกสุขลักษณะ เช่น มีการปนเปื้อนระหว่างการตัดหรือการหั่น เชื้ออาจเข้าสู่ภายในเนื้อได้

    • เชื้อ Listeria และ Salmonella ก็เป็นอีกสองเชื้อแบคทีเรียที่อาจพบในเนื้อดิบ ซึ่งสามารถทำให้เกิดอาการท้องเสีย อาเจียน และอาการแพ้ต่าง ๆ โดยเฉพาะในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือหญิงตั้งครรภ์

  2. ปรสิตในเนื้อดิบ

    • การกินเนื้อวัวดิบยังมีความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนปรสิต เช่น Toxoplasma gondii ซึ่งอาจทำให้เกิดโรคติดเชื้อในระบบประสาท หรือการติดเชื้อในเนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อในร่างกาย โดยเฉพาะในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ

  3. งานวิจัยทางการแพทย์

    • การศึกษาจาก Centers for Disease Control and Prevention (CDC) ระบุว่า การบริโภคเนื้อดิบหรือเนื้อที่ปรุงไม่สุกเพียงพอ เพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อแบคทีเรีย E. coli Salmonella และปรสิตเช่น Toxoplasma ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น โรคติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร และการติดเชื้อในระบบประสาท (CDC, 2019).

    • นอกจากนี้ The World Health Organization (WHO) ยังแนะนำให้บริโภคเนื้อที่ปรุงสุกอย่างน้อย 70°C เพื่อป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียและปรสิต (WHO, 2020).

Advertisement

วิธีลดความเสี่ยงเมื่อกินเนื้อวัวดิบ

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบการกินเนื้อวัวดิบหรือกึ่งสุกกึ่งดิบ การเลือกแหล่งที่มาของเนื้อและกระบวนการเตรียมอย่างถูกสุขลักษณะเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ต่อไปนี้คือคำแนะนำในการลดความเสี่ยง:

  • เลือกเนื้อจากแหล่งผลิตที่ได้รับการรับรอง และมีมาตรฐานการจัดการที่ถูกสุขอนามัย

  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสเนื้อวัวดิบกับวัตถุดิบอื่น ๆ เพื่อลดการปนเปื้อน

  • ปรุงอาหารในสภาวะแวดล้อมที่สะอาดและถูกสุขลักษณะ

  • หลีกเลี่ยงการเก็บเนื้อดิบไว้ในอุณหภูมิห้องนานเกินไป ให้เก็บในตู้เย็นและใช้เนื้อสดที่เพิ่งซื้อมาใหม่

การกินเนื้อวัวดิบสามารถทำได้ในบางสถานการณ์ โดยเฉพาะเมื่อเนื้อผ่านการเตรียมอย่างถูกสุขอนามัย และมาจากแหล่งผลิตที่น่าเชื่อถือ อย่างไรก็ตาม การกินเนื้อดิบยังมีความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียและปรสิต ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพ โดยเฉพาะในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ดังนั้น การเลือกแหล่งเนื้อที่มีมาตรฐานและการปรุงอาหารอย่างปลอดภัยจึงเป็นสิ่งสำคัญในการลดความเสี่ยงของการเกิดโรคจากการบริโภคเนื้อดิบ

แหล่งอ้างอิง:

  • Centers for Disease Control and Prevention (CDC). (2019). Food Safety: Raw Meat.

  • World Health Organization (WHO). (2020). Foodborne Diseases and Food Safety.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
kookkak

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เราใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดบน
เว็บไซต์ของเรา โปรดศึกษาเพิ่มเติมที่
นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้