ตร.สุราษฎร์ฯ รวบแล้วตัวมือฆ่าแหม่มชาวเยอรมัน

ตำรวจเมืองสุราษฎร์ธานีใช้เวลา 24 ช.ม. รวบตัวมือฆ่าแหม่มชาวเยอรมัน สารภาพเป็นลูกค้าประจำที่ร้านรับสัก ก่อนมีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง ล่าสุดมีปากเสียกันถึงขั้นบีบคอจนตายคามือก่อนนำขึ้นรถไปทิ้งทะเล จากกรณีคนร้ายก่อคดีฆ่าโหด นางแอสทริส อัล แอสซาด ชวาเนอร์ อายุ 45 ปี นักท่องเที่ยวชาวเยอรมัน ริมหาดบ้านในวก ใกล้กับท่าเทียบเรือบริษัท ส่งเสริม จำกัด ต.เกาะพะงัน อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 11 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่าคนร้ายน่าจะรู้จักกับผู้ตายเป็นอย่างดี พยายามจะกระทำมิดีมิร้าย แต่ผู้ตายขัดขืนจึงถูกทำร้ายเสียชีวิต ดังที่ได้เสนอข่าวเบื้องต้นไปแล้ว ล่าสุดตำรวจสามารถจับกุมคนร้ายได้แล้ว ทั้งนี้ พ.ต.อ.จรูญ อุชุภาพ ผกก.สภ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี นำกำลังตำรวจออกติดตามหาเบาะแสด้วยตนเอง หลังจากมีคำสั่งอย่างเร่งด่วนจาก พล.ต.ต.เทศา ศิริวาโท ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี และ พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ในเร่งรัดติดตามหาตัวคนร้ายให้ได้ เนื่องจากหวาดหวั่นว่าจะมีผลกระทบต่อการท่องเที่ยว ซึ่งได้ควบคุมตัวบุคคลต้องสงสัยจำนวน 4 คน สอบปากคำหลังเกิดเหตุไม่ถึง 24 ชั่วโมง จากการสอบปากคำ นายอธิวัตต์ เกษมโภค อายุ 29 ปี บ้านเดิมอยู่บ้านเลขที่ 200/206 ม.1 ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัย พบพิรุธหลายอย่าง เมื่อตรวจสอบพยานแวดล้อมหลายอย่างทำให้มัดตัว จนยอมรับว่าเป็นคนร้ายในที่สุด โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ทำการยึดรถยนต์กระบะมิตซูบิชิ ทะเบียน กฉ 7402 ภูเก็ต ซึ่งเป็นรถยนต์คันที่คนร้ายใช้นำศพผู้ตายไปทิ้ง เพื่ออำพรางศพ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐาน ได้ลงพื้นที่เกาะพะงัน ทำการตรวจหาหลักฐานและพบคราบเลือดภายในรถยนต์ พร้อมระบุเป็นของผู้ตาย พ.ต.อ.จรูญ กล่าวว่า นายอธิวัตต์ เกษมโภค เบื้องต้นเป็นเพียงบุคคลต้องสงสัย ซึ่งทางตำรวจควบคุมตัวได้ที่ร้านรับสักรูปให้กับนักท่องเที่ยว ภายในซอยธนาคารกรุงไทย สาขาบ้านท้องสาลา อ.เกาะพะงัน ต่อมาเมื่อสอบปากคำด้วยตนเองใช้เวลานานกว่า 4 ชั่วโมง ในที่สุดผู้ต้องหายอมรับสารภาพด้วยจำนนท์ต่อหลักฐาน เบื้องต้นนายอธิวัตต์ ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่า รู้จักกับผู้ตายมานานแล้ว โดยตนเองได้ทำงานที่ร้านสักรูปให้นักทองเที่ยวบนเกาะพะงัน และผู้ตายได้เข้ามาที่ร้านเป็นประจำ จนสนิทสนมกันอย่างลึกซึ้ง ในคืนเกิดเหตุผู้ตายได้มาหาที่ร้านอีกและได้มีปากเสียงกัน ทำให้เกิดบันดาลโทสะโมโหจนระงับอารมณ์ ไม่อยู่ จึงได้ชกไปที่ใบหน้าผู้ตายหลายครั้งและบีบคอจนตายคามือ จากนั้นได้จับผู้ตายถอดเสื้อและนำศพขึ้นรถยนต์นำไปทิ้ง ซึ่งขณะนั้นเป็นช่วงน้ำทะเลลง จนกระทั่งน้ำทะเลขึ้น ทำให้สภาพศพอยู่ในน้ำทะเลมีลักษณะเหมือนกับจมน้ำเสียชีวิต เพื่ออำพรางคดีจนกระทั่งมีผู้พบศพดังกล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ภายหลังจากที่ผู้ต้องหารับสารภาพ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังที่เกิดเหตุทันที เพื่อป้องกันไม่ให้มีการประชาทัณฑ์จากชาวบ้านในพื้นที่ เพราะว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เกิดผลกระทบต่อการท่องเที่ยวได้