ปภ.เผยน้ำท่วมตายแล้ว215-ภัยหนาว13จ.
ปภ. สรุปยอดผู้เสียชีวิตจาก อุทกภัยทั่วประเทศ รวม 215 ราย พร้อมประกาศพื้นที่ภัยหนาวแล้ว 13 จังหวัด
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หรือ ปภ. รายงานผลสรุปสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ว่า ขณะนี้ มีพื้นที่ประสบปัญหาอยู่ทั้งสิ้น 13 จังหวัด 57 อำเภอ 418 ตำบล 2,852 หมู่บ้าน 240,370 ครัวเรือน 827,599 คน พื้นที่การเกษตรที่คาดว่าจะเสียหาย 6,316,156 ไร่ ได้แก่ จังหวัดศรีสะเกษ สุรินทร์ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มหาสารคาม อุบลราชธานี ร้อยเอ็ด ชัยนาท สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา สระบุรี นนทบุรี และปทุมธานี และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 152 ราย
ส่วนพื้นที่ประสบอุทกภัยในภาคใต้ มีจังหวัดที่ได้รับผลกระทบ ทั้งสิ้น 6 จังหวัด 67 อำเภอ 486 ตำบล 3,575 หมู่บ้าน 263,330 ครัวเรือน 856,717 คน ได้แก่ จังหวัดสงขลา ตรัง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง และปัตตานี มีผู้เสียชีวิต 63
ด้าน นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หรือ ปภ. กล่าวถึง สถานการณ์ภัยหนาวในประเทศไทยขณะนี้ว่า ล่าสุด ปภ. ได้ประกาศพื้นที่ภัยพิบัติ กรณีฉุกเฉิน แล้ว 13 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา แม่ฮ่องสอน น่าน ลำพูน อุดรธานี เพชรบูรณ์ สกลนคร เลย ขอนแก่น นครพนม และ หนองคาย 174 อำเภอ 225 ตำบล 14,260 หมู่บ้าน ซึ่งพื้นที่ ที่จะประกาศเป็นพื้นที่ภัยหนาวได้นั้น ตามระเบียบของ กรมบัญชีกลาง ได้ระบุไว้ว่า จะยึดคำพยากรณ์อากาศของ กรมอุตุนิยมวิทยา ที่พยากรณ์ไว้ล่วงหน้า 7 วันเป็นหลัก ว่า ในพื้นที่ต้องมีอุณหภูมิต่ำกว่า 15.9 องศาเซลเซียส เป็นเวลาติดต่อกันนานกว่า 7 วัน ก็สามารถประกาศเป็นพื้นที่ภัยหนาวได้ ซึ่งทาง ผู้ว่าราชการจังหวัด นั้น ๆ ต้องเข้าไปสำรวจว่า ประชาชน ในพื้นที่ใด ที่ยังประสบเกี่ยวกับเรื่องเครื่องบรรเทาภัยหนาว ก็ให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัด ใช้เงินสำรองราชการที่สามารถ มีอำนาจสั่งการได้ คือ 1 ล้านบาท ในการจัดซื้อเครื่องบรรเทาภัยหนาว แจกจ่ายให้กับประชาชนในพื้นที่ นอกจากนี้ ปภ. ยังได้มีการแจ้งเตือนให้ประชาชน เฝ้าระวังโรคภัยที่จะมาในช่วงหน้าหนาว ทั้งโรคปอดบวม ไข้หวัดใหญ่ ซึ่งในเรื่องของโรคที่มากับภัยหนาวนั้น ได้มีการประสานกับกระทรวงสาธาณสุขไว้แล้ว ให้ช่วยกันเฝ้าระวัง รวมถึง แจ้งเตือนให้ประชาชน เฝ้าระวังการก่อไฟ เพื่อบรรเทาความหนาวว่า อาจจะส่งผลให้เกิดเพลิงไหม้ขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม ทางกระทรวงมหาดไทย ได้จัดตั้งศูนย์รับบริจาคเครื่องกันหนาวไว้ ในพื้นที่จังหวัดที่เคยประสบกับภัยหนาวมาแล้วก่อนหน้านี้ พร้อมกับ เปิดสายด่วน รับบริจาคสิ่งของ โดยใช้หมายเลขโทรศัพท์เดิม คือ 1784