เก่ง TheStar6 โต้ทำกร่างใน ร.พ.ศิริราช
"เก่ง TheStar 6 " โต้ทำกร่างที่ ร.พ.ศิริราช ขอโทษคู่กรณี แจงเข้าใจผิด เหตุขับรถ
"เก่ง เดอะสตาร์" ได้แถลงข่าว กรณีโดนทำร้ายร่างกายจนเขี้ยวช้ำตรงใบหน้าและมีแผลฉีกที่ลิ้น เมื่อวานนี้ที่บริเวณโรงพยาบาลศิริราชตนบอกไม่ติดใจเอาความเชื่อเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน บอกต่างฝ่ายต่างมีอารมณ์โกรธ พร้อมทั้งขอโทษอีกฝ่ายและญาติ ๆ เพราะตนไม่ได้มีเจตนาที่จะไปเร่งเร้าแต่อย่างใด โดยทั้งหมด เก่ง เล่าถึงเหตุการณ์ให้ฟังว่า
เมื่อวานนี้เวลา 15.00 น. ตนได้ขึ้นรถแท็กซี่ เพื่อไป ร.พ.ศิริราช ที่ตนได้ร่ำเรียนมากว่า 5 ปี ซึ่งเปรียบเสมือนบ้านของตน แต่รถได้ติดนานกว่า 15 นาที จึงลงไปดู ปรากฏว่าพบรถปอเต๊กตึ้งที่ไม่เปิดไฟกระพริบบอกเหตุไว้ จึงสอบถามดู เพราะเป็นเขตภายในโรงพยาบาล หลังจากนั้นตนจึงเดินกลับมาขึ้นรถแท็กซี่ สักพักมีผู้ชายคนนึง เดินมาเรียกตน จึงเดินลงมาเจรจา จนมีปากเสียงกันขึ้น และทางคู่กรณี จะชักกล้องมาถ่ายรูปตนไว้ แต่ตนนั้นได้ยกมือปัดๆ และได้โดนชกเข้าที่หน้า จนมีบาดแผลฟกช้ำ บริเวณแก้ม และมีเลือดไหลออกจมูก และลิ้นแตกจนเลือดไหล
หลังจากนั้นตนจึงไปปรึกษากับอาจารย์หมอ และได้เข้าแจ้งความโดนทำร้ายร่างกายไว้ที่ สน.บางกอกน้อย ไว้เป็นหลักฐาน ทั้งนี้ หมอเก่ง เผยเพิ่มเติมว่า ไม่คิดเอาความแต่อย่างใด เพราะทราบถึงสาเหตุที่แท้จริงแล้ว ว่าทางคู่กรณีได้มารอรับศพ คุณพ่อและเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน ทั้งนี้ตนขอโทษคู่กรณีด้วย ที่ไม่ทราบเหตุผลที่แท้จริง ยืนยันไม่ได้กล่าวคำพูดหยาบคายแต่อย่างใด แต่ยอมรับว่า มีอารมณ์โมโหอยู่ ในขณะนั้น
"ที่มองว่าเป็นบ้านไม่ได้คิดว่าเป็นถิ่นเรา ซึ่งทุกคนที่อยู่ในศิริราช เรารักศิริราชและอยากช่วยกันดูแลคืออย่างที่บอกมีอะไรที่ผิดเราก็ต้องดูแล และอีกอย่างเสียงดัง มันต้องเสียงดังอยู่แล้ว เพราะคนมันเยอะและอยู่ไกล" ยืนยันไหมว่าไม่ได้พูดไปด้วยอารมณ์กร่าง ไม่มีถ้อยคำที่หยาบคายหรือไม่สุภาพ "อ๋อไม่มีครับ ส่วนอยากให้เรื่องจบยังไง ก็ตัวผมเองก็ไม่ได้ติดใจอะไร แต่ว่าพอไปคุยกับหลายๆ คนแล้ว เขาก็แนะนำให้ไปแจ้งไว้ที่ สน.ก่อน
แต่ส่วนตัวไม่ติดใจอะไร คือถ้าเขาไม่เข้าใจอะไรเราผิด เขาก็คงไม่มาทำร้ายเรา ก็อยากจะให้เขาเข้าใจว่า เราไม่ได้มีเจตนาจะไปเร่งเขา ถ้าผมทราบอยู่แล้ว ผมจะไปเร่งเขาทำไม ก็อยากจะขอโทษพี่เขาด้วย และขอโทษญาติๆ พี่เขาด้วย เพราะผมไม่ได้มีเจตนาที่จะไปเร่งเร้า คือ ถ้าทราบว่าจะทำอะไรกันอยู่ ก็คงไม่เร่ง แต่ด้วยความที่เราเป็นบุคลากรของศิริราช ก็อยากจะทราบถึงความผิดปกติ ก็เลยสอบถามบุคลากรด้วยกัน"