น้องมะปรางค์ หรือ น.ส.ตรีทิพย์ จูกระจ่าง อายุ 18 ปี นศ.ปี 1 มหาวิทยาลัยศรีปทุม คณะบริหาร หนึ่งในผู้รอดชีวิตจากเหตุเพลิงไหม้ ซานติก้าผับ และได้รับบาดเจ็บเข้ารักษาตัวที่รพ.กรุงเทพ ห้อง 701 ชั้นที่ 7 อาการบาดเจ็บตามใบหน้า และลำตัว และพบอาการปอดติดเชื้อ
น้องมะปรางค์ เปิดเผยว่า ขณะนี้สำหรับบาดแผลใบหน้าเหลือแค่จมูก แก้มด้านขวา ซึ่งเริ่มแห้งแล้ว ส่วนแผลภายในหมอบอกกับตนว่าว่า ปอดติดเชื้อภายใน ต้องพักรักษาอยู่ที่ รพ.อีกสักระยะ ซึ่งตนเริ่มกังวลใจ กลัวบาดแผลที่ใบหน้าจะเป็นแผลเป็น และกลัวเรื่องปอด ตอนนี้ต้องใช้เครื่องออกซิเจนในการช่วยหายใจ สลับกับการหายใจด้วยตนเอง
น้องมะปรางค์ กล่าวต่อว่า กังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ถึงแม้ตนจะทำประกันชีวิตกับบริษัท AIA วงเงิน 150,000 บาท แต่ยังไม่ทราบว่าค่ารักษาพยาบาลของ รพ.แห่งนี้จะมีค่าใช้จ่ายมากแค่ไหน เพราะเกรงว่าค่าใช้จ่ายจะเกินวงเงินที่ทำไว้
"ไม่แน่ใจว่าจะรักษาอยู่ที่รพ.อีกกี่วัน และค่ารักษาพยาบาลจะเพิ่มขึ้นอีกเท่าไหร่ เพราะว่ายังไม่ทราบตัวเลขที่แน่นอน เงินประกันจะครอบคลุมหรือไม่ก็ไม่ทราบ ตนจึงอยากจะขอร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามาช่วยเหลือ ไม่อยากจะให้คิดว่าเรามีประกันแล้วจะไม่สนใจ ซึ่งที่ผ่านมาก็ขอขอบคุณรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขที่เข้ามาดูแล และเข้ามาช่วยเหลือในเรื่องของประกันสุขภาพกับรพ.รัฐบาล ซึ่งขอขอบคุณ แต่ถึงขณะนี้ยังไม่มีผู้บริหารของสถานบันเทิงดังกล่าวยื่นมือเข้ามาช่วย เหลือแต่อย่างไร"
น้องมะปรางค์ กล่าวต่อว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยอมรับว่ายังมีอาการหวาดผวาอยู่ เวลานอนบางครั้งยังสะดุ้งกลางดึก เพราะยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อหน้า ไม่คิดว่าจะมีคนเสียชีวิตมากขนาดนี้ และตนก็ไม่คิดว่าตนเองจะมีชีวิตรอดออกมาได้ แต่ที่รอดออกมาได้ ก็เพราะว่าตนมีสติอยู่ หลังจากที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ ตอนนั้นมีคนร้องว่าไฟไหม้ ตนก็มองไปที่ประตูทางออก และช่วงนั้นก็มองเห็นมีคนล้ม บ้างเป็นลม ตนก็วิ่งออกมาและตนรู้สึกว่าตนเองกลิ้งออกมาจากด้านในออกมานอกประตู ส่วนเพื่อนที่มาด้วยกัน 10 คนก็บาดเจ็บแต่ไม่เสียชีวิต จึงอยากจะฝากไปถึงเพื่อนๆ ที่เข้าไปเที่ยวผับ ควรสำรวจประตูเข้าออกให้ดี ส่วนสถานบริการตนก็อยากจะให้ทำประตูเข้า-ออก ที่กว้างมากกว่านี้
ด้านนางอารีย์ จูกระจ่าง อายุ 40 ปี มารดาของน้องมะปรางค์ กล่าวว่า ขณะนี้ตนเป็นห่วงลูกสาวมาก และยังต้องพักรักษาพยาบาลต่อ แต่ก็ยังดีใจที่ลูกสาวมีชีวิตรอดมาได้ หลังจากที่เกิดเหตุ ตนได้รับโทรศัพท์ ตนก็รีบเดินทางมาจากเชียงราย เพื่อมาดูแลลูกสาวแต่ว่าตอนนี้เป็นกังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาล ลูกสาวไม่ได้ทำประกันชีวิตวงเงินไม่สูงนัก ตนมีอาชีพทำสวน รายได้ก็ไม่แน่ ถ้าวงเงินเกินตนก็ยังไม่รู้ว่าจะหาเงินที่ไหนมาใช้จ่าย
นางอารีย์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้มีจนท.ของกระทรวงสาธารณสุขได้เข้ามาดูแล และน่าช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่าย หากไปรักษาต่อเนื่องของ รพ.รัฐบาล อย่างไรก็ตามก็ต้องขอขอบคุณไว้ล่วงหน้าด้วย หากจำเป็นก็ต้องย้าย รพ.