เผยมหาเศรษฐีคนไืทย รวยหุ้น ปี 53
วารสารการเงินธนาคาร ฉบับเดือนธันวาคม 2553 รายงานการจัดอันดับเศรษฐีหุ้นไทยปีนี้ว่า ตำแหน่งแชมป์เศรษฐีหุ้นไทยตกเป็นของ ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท (PS) ถือครองหุ้นมูลค่ารวม 31,422.25 ล้านบาท รวยเพิ่มขึ้น 15,591.83 ล้านบาท
อันดับ 2 คีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS)ถือครองหุ้นของบริษัท 17,816.15 ล้านบาท รวยเพิ่มขึ้น 17,782.08 ล้านบาท
อันดับ 3 อนันต์ อัศวโภคิน ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮาส์เจ้าของแชมป์เศรษฐีหุ้นไทย 7 ปีซ้อน ถือครองหุ้นมูลค่ารวม 17,635.31 ล้านบาท รวยเพิ่มขึ้น 1,667.96 ล้านบาท
อันดับ 4 ประวิทย์ มาลีนนท์ แห่งช่อง 3 ยึดอันดับ 4 ไว้ได้เป็นปีที่ 3 ถือหุ้นบมจ.บีอีซี เวิลด์ (BEC) มีมูลค่า 3,688.66 ล้านบาท รวยเพิ่มขึ้น 8,850.50 ล้านบาท
อันดับ 5 วรวิทย์ วีรบวรพงศ์ เจ้าของสยามแก๊สถือหุ้น บมจ.สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ (SGP) มูลค่า 8,793.67 ล้านบาท รวยเพิ่มขึ้น 4,473.97 ล้านบาท
อันดับ 6 นิติ โอสถานุเคราะห์ ทายาทโอสถสภา ถือหุ้น 7,701.26 ล้านบาท รวยเพิ่มขึ้น 1,967.69 ล้านบาท
อันดับ 7 วิโรจน์ ธนาลงกรณ์ เจ้าของธุรกิจเสื้อชั้นในยี่ห้อซาบีนาถือหุ้น 6,328.48 ล้านบาท รวยเพิ่มขึ้น 1,947.88 ล้านบาท
เศรษฐีหุ้นอันดับ 8-10 ได้แก่ 3 พี่น้องแห่งตระกูลมาลีนนท์ถือครอง หุ้น บมจ.บีอีซี เวิล์ด (BEC) ใกล้เคียงกัน
อันดับ 8 ประชุม มาลีนนท์ ถือหุ้นมูลค่า 6,148.51 ล้านบาท รวยเพิ่มขึ้น 2,550.20 ล้านบาท
อันดับ 9 รัตนา มาลีนนท์ ถือหุ้นมูลค่า 6,130.08 ล้านบาท รวยเพิ่มขึ้น 2,548.27 ล้านบาท
อันดับ 10 อัมพร มาลีนนท์ ถือหุ้นมูลค่า 6,129.31 ล้านบาท รวยเพิ่มขึ้น 2,548.44 ล้านบาท
ตระกูลเศรษฐีหุ้นไทย
อันดับ 1 ตระกูลมาลีนนท์ ถือครองหุ้นรวมกันมูลค่า 44,176.45 ล้านบาท รวยเพิ่มขึ้นถึง 18,306.34 ล้านบาท ครองตำแหน่งแชมป์ตระกูลเศรษฐีหุ้นไทยเป็นปีที่12
อันดับ 2 ตระกูลวิจิตรพงศ์พันธุ์ ถือครองหุ้นรวมกันมูลค่า 37,618.75 ล้านบาท รวยเพิ่มขึ้น 18,804.83 ล้านบาท
อันดับ3 ตระกูลอัศวโภคิน ถือครองหุ้นรวมกันมูลค่า 21,868.90 ล้านบาท รวยเพิ่มขึ้น 1,753.46 ล้านบาท
อันดับ 4 ตระกูลกาญจนพาสน์ ถือครองรวมกันมูลค่า 20,269.56 ล้านบาท รวยเพิ่มขึ้น 18,629.49 ล้านบาท
อันดับ5 ตระกูลจิราธิวัฒน์ ถือครองหุ้นรวมกันมูลค่า 18,325.42 ล้านบาท รวยเพิ่มขึ้น 5,039.41 ล้านบาท