พ่อ เต๋า โต้ลั่นชกจริงเละแล้ว!! เจ้าตัวสุดเครียด-เก็บตัวเงียบ
เต๋า สุดเครียดเก็บตัวเงียบ พ่อบุญธรรมขอความเป็นธรรม เผยลูกชายรู้สึกท้อแท้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยืนยันพระเอกนักบู๊สาบานไม่ได้เมาหรือต่อยโกตา เผยเป็นคดีที่กิ๊กก๊อก แต่ดังเพราะลูกเป็นดารา ขณะที่วงในแฉซ้ำ พระเอกดังหวิดวางมวยกับนักร้องในผับก่อนมาตื้บหนุ่มใหญ่ลำปาง จิตแพทย์แนะ เต๋า เลิกเหล้า ชี้ดื่มเมามีผลต่อสมองเปลี่ยนพฤติกรรมกลายเป็นคนก้าวร้าว
ยังคงเก็บตัวเงียบสำหรับพระเอกหนุ่มชื่อดัง นายสมชาย เข็มกลัด หรือเต๋า หลังจากก่อเหตุชกต่อย นายวีระชาติ เด่นศิริกุล หรือโกตา เจ้าของร้านขายของชำ ภายในร้านบะหมี่เกี๊ยว อ.เมือง จ.ลำปาง แม้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตำรวจได้ออกหมายเรียกให้มารายงานตัวภายใน 3 วัน แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีวี่แววของพระเอกนักบู๊จะเข้ามาพบพนักงานสอบสวนแต่อย่างใด ล่าสุดมีเพียงพ่อบุญธรรมและแม่บุญธรรมเท่านั้นที่ออกมาให้ข่าวว่า ขณะนี้พระเอกชื่อดังท้อแท้ต่อสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก
พ่อบุญธรรมเผยเต๋าสุดท้อแท้
เมื่อวันที่ 7 มกราคม ที่ จ.เชียงใหม่ นายธงชัย อินทรชูศรี พ่อบุญธรรมของนายสมชาย ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวถึงความรู้สึกของลูกชายเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ จึงไม่รู้เรื่องอะไรเลย และช่วงนี้ลูกชายก็ไม่ได้กลับมานอนที่บ้าน ส่วนสภาพจิตใจของลูกชายตอนนี้คงไม่ดีนัก เนื่องจากเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่ข่าวดี คงจะร่าเริงสดชื่นไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้วยภาพลักษณ์ที่เป็นดาราทำให้มีผลกระทบอยู่แล้ว ส่วนตอนนี้ลูกชายไปเก็บตัวอยู่ที่ไหนคงไม่สามารถตอบได้ เพราะไม่รู้
ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังเกิดเรื่องนายสมชายมีความโกรธเคืองหรือรู้สึกผิดหรือไม่ นายธงชัยกล่าวว่า ไม่ได้โกรธ แต่อาจจะรู้สึกท้อว่า ทำไมเรื่องแบบนี้มาเกิดตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเรื่องลูกชายโทรศัพท์เล่าให้ฟังว่า ไม่ได้ไปต่อยนายวีระชาติ พร้อมสาบานว่าไม่ได้ต่อยจริงๆ และถ้าดูบาดแผลที่ร่างกายของนายวีระชาติจะทราบว่ามีที่ไหน
"นายคนนั้นอายุตั้ง 56 ปี แล้ว ถ้าเต๋าต่อยจริงๆ นะ หน้าตาเละไปหมดแล้ว จำคดีที่แล้วได้ไหม ที่มีเรื่องที่แยกสนามบิน อันนั้นต่อยจริง หน้าตาเละแบบนั้น แล้วนี่อายุ 56 ปี แล้วไม่มีบาดแผลเลยสักนิดหนึ่ง นายธงชัยกล่าว
เผยในสายตาเป็นแค่คดีกิ๊กก๊อก
เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ถ้าไม่เป็นเรื่องจริงจะเอาเรื่องกลับไหม นายธงชัยกล่าวว่า ลูกชายไม่อยากมีเรื่อง ถ้าเงียบได้ก็อยากให้เงียบ แต่ถ้าตำรวจเรียกก็คงต้องไปอยู่แล้ว ส่วนทนายของลูกชายตอนนี้ยังอยู่ระหว่างเดินทางจากกรุงเทพฯ คาดว่าจะมาถึงในช่วงเย็น คงจะได้มาพูดคุยหารือกันว่าจะทำอย่างไรต่อไป
ในสายตาของเรามันเป็นคดีกิ๊กก๊อกมาก แต่บังเอิญมาเกิดกับเจ้าเต๋าที่เป็นดารา ผู้เสียหายไม่มีบาดแผลอะไรเลย มีรอยที่ล้มไปนิดหนึ่งที่แขน ถ้าต่อยจริงใครจะไปต่อยที่แขนตั้ง 3-4 หมัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวเต๋าที่พ่อเจอคืนนั้นยังมีบาดแผลด้วยซ้ำ แต่เขาไม่ไปหาหมอ เพราะเห็นว่ามันเล็กน้อยและเห็นว่าเรื่องมันก็คงจะจบ นายธงชัยกล่าว
วอนให้ความเป็นธรรมลูกชาย
นายธงชัยกล่าวต่อ เป็นเรื่องไร้สาระ ที่อยู่ๆ จะเข้าคนโดยไม่มีเหตุผล ซึ่งลูกชายเป็นคนดัง โดยคนนั้นอาจจะเมาเหมือนกัน และคงจะพูดแซวกัน ส่วนวันเกิดเหตุลูกชายไม่ได้ดื่มเหล้า เพราะต้องไม่ลืมว่า จ.ลำปาง ในวันนั้นมีเลือกตั้งซ่อม ห้ามขายเหล้า ส่วนลูกชายเป็นคนเสียงดังมาแต่ไหนแต่ไร คนไม่รู้จักอาจไม่เข้าใจ ข่าวที่ออกมาว่ากันไปเรื่อย แต่ถ้าพิจารณากันด้วยเหตุผล และใช้วิจารณญาณให้ดี ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไปต่อยนายวีระชาติ 3-4 หมัด แล้วไปยกมือไหว้ขอโทษ พอไม่รับไหว้ก็ไปต่อยอีก 3-4 หมัด เป็นเรื่องไร้สาระ
"เรื่องที่มีการกอดรัดกันแล้วล้มไปด้วยกันทั้งคู่จนได้รับบาดเจ็บจากการหกล้มคงจะมี ตอนนี้เต๋าคงไม่พูด หากมันจบได้ด้วยดีเขาคงอยากจะจบ คงไม่มีใครอยากจะมีเรื่องแบบนี้ เรื่องนี้ต้องขึ้นอยู่กับสื่อด้วยว่าจะให้ความเป็นธรรมได้มากน้อยแค่ไหน" นายธงชัยกล่าว
แฉ เต๋า หวิดวางมวยนักดนตรี
เกี่ยวกับเหตุการณ์นักร้องชื่อดังชกต่อยนายวีระชาติเมื่อวันที่ 5 มกราคมนั้น มีรายงานข่าวแจ้งว่า ในคืนเกิดเหตุก่อนที่นายสมชายจะทำร้ายร่างกายนายวีระชาติ ปรากฏว่านายสมชายกับแฟนสาวและเพื่อน ได้ไปเที่ยวที่ผับแห่งหนึ่งชื่อ ซิมเปิล (Simple) ย่านตลาดอัศวิน ถ.ท่าคราวน้อย อ.เมือง จ.ลำปาง หลังดื่มจนเมาได้ทีก็ขึ้นไปบนเวทีเพื่อขอไมค์จากนักร้องมาร้องเพลง แต่ถูกปฏิเสธ ทำให้นายสมชายเกือบจะมีเรื่องกับนักร้อง และนักดนตรีของผับ แฟนสาวและเพื่อนๆ ต้องดึงตัวลงจากเวทีก่อนเรื่องราวจะลุกลาม จากนั้นได้เช็กบิลออกจากผับทันที และย้ายมานั่งต่อที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งหน้าปางทิพย์อพาร์ตเมนต์ ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับร้านบะหมี่ที่นายสมชายนั่งรับประทานกับแฟนสาว ก่อนจะก่อเหตุทำร้ายร่างกายนายวีระชาติได้รับบาดเจ็บดังกล่าว
นายหนึ่ง พนักงานในผับ ซิมเปิล เล่าว่า หลังจากนายสมชายพร้อมแฟนสาวและกลุ่มเพื่อนเข้าไปในผับ ยังไม่ทันได้นั่งโต๊ะนายสมชายก็เดินไปที่ข้างเวที เพื่อขอขึ้นร้องเพลงบนเวที โดยยืนคุยกับนักดนตรีอยู่พักใหญ่ จากนั้นได้ขึ้นร้องเพลง ใจนักเลง และต่อด้วยเพลงของอัสนี-วสันต์ หลังจบเพลงนายสมชายไม่ยอมลงเวที ยังต้องการจะร้องเพลงต่อ ซึ่งนักดนตรีก็ไม่ขัดใจ แต่ขณะร้องเพลงที่ 3 ปรากฏว่าแขกที่มาเที่ยวเริ่มเบื่อ เพราะอยากฟังเพลงตามที่ชอบ จึงพากันโห่ นายสมชายจึงยอมลงเวที ทั้งๆ ที่ยังร้องเพลงไม่จบ
อย่างไรก็ตาม หลังจากนายสมชายเดินลงจากเวที นักร้องบนเวทีได้กล่าวขอบคุณที่ขึ้นร่วมร้องเพลง แต่อาจจะเมาไปหน่อย เมื่อนายสมชายได้ยินจึงเกิดความไม่พอใจ และพยายามเข้าไปเคลียร์กับนักร้อง แต่ถูกห้ามปรามเอาไว้ก่อน หลังจากนั้นแฟนสาวกับเพื่อนจึงรีบพานายสมชายออกจากผับไป ก่อนจะไปก่อเหตุทำร้ายร่างกายนายวีระชาติจนกลายเป็นข่าวโด่งดังดังกล่าว
ตร.เรียกพยานสอบหลายปาก
ส่วนความคืบหน้าทางคดีนั้น วันเดียวกัน พ.ต.ท.โสภณ ผลกันทา รอง ผกก.สส.สภ.เมืองลำปาง กล่าวว่า หลังจากออกหมายเรียกนายสมชาย เพื่อให้มารับทราบข้อกล่าวหา จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการประสานจากญาติคนใกล้ชิดเพื่อเข้าพบพนักงานสอบสวนแต่อย่างใด ทั้งนี้ ตำรวจ สภ.เมืองลำปาง จะดำเนินการตามกฎหมายโดยไม่มีละเว้น ถึงแม้จะเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังก็ตาม เนื่องเป็นคดีญาที่ยอมความไม่ได้ และอยู่ในความสนใจของประชาชนทั่วประเทศ การดำเนินงานทั้งของพนักงานสอบสวนและตำรวจทุกฝ่ายจะไม่มีสิ่งใดมากดดันในการทำงานทั้งสิ้น
ขณะเดียวกัน ร.ต.ต.วรเทพ คำดี พนักงานสอบสวน สภ.เมืองลำปาง ได้เรียกตัว นายดนัย ตื้อตัน อายุ 30 ปี ซึ่งเป็นหุ้นส่วนร้านอาหาร ยินดี ถนนพหลโยธิน ต.สวนดอก อ.เมือง จ.ลำปาง ซึ่งตั้งอยู่กับเยื้องร้านบะหมี่เกี๊ยวที่นายสมชายก่อเหตุทำร้ายร่างกายนายวีระชาติ โดยใช้เวลาสอบปากคำเกือบ 4 ชั่วโมง เนื่องจากมีการระบุว่า นายดนัยเป็นเพื่อนสนิทที่ชวนนายสมชายมาเที่ยวที่ลำปาง
นายดนัยให้การว่า เป็นหุ้นส่วนร้านอาหารยินดี และมีหุ้นส่วนหลายคน แต่ยืนยันว่าไม่ใช่เพื่อนสนิทของนายสมชาย และไม่ได้เป็นคนชวนมาเที่ยวที่ จ.ลำปาง และที่สำคัญก็ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน โดยวันเกิดเหตุเห็นนายสมชายมาพร้อมแฟนสาวมีอาการมึนเมาสุรา และมานั่งกับกลุ่มเพื่อนประมาณ 5-6 คน แต่ขณะนั้นทางร้านไม่ได้ขายเครื่องดื่มทุกชนิดให้ เนื่องจากเป็นวันเลือกตั้ง ส.ส.ล่วงหน้า และงดจำหน่ายเครี่องดื่มของมึนเมาทุกชนิด นายสมชายพร้อมแฟนสาวและเพื่อนๆ จึงออกจากร้านไป และไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรกัน กระทั่งพนักงานสอบสวนให้มาพบและให้ปากคำดังกล่าว
จิตแพทย์เตือนให้เต๋าเลิกดื่ม
วันเดียวกัน พญ.กิตติวรรณ เทียมแก้ว จิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปรับพฤติกรรมผู้ติดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โรงพยาบาลสวนปรุง จ.เชียงใหม่ ระบุว่า การดื่มสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกประเภทจะมีผลต่อสมอง โดยเฉพาะการกดความรู้สึกรับผิดชอบชั่วดีที่ ทำให้การควบคุมตัวเองได้ในช่วงเวลาปกติหมดไป ดังนั้นผู้ที่อยู่ในอาการเมามีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปหลายรูปแบบ ทั้งพูดมากขึ้น นอนหลับ หลงลืม รวมถึงพฤติกรรมก้าวร้าว เหมือนกรณีของนายสมชาย เข็มกลัด นักแสดงชื่อดังที่กำลังตกเป็นข่าวทำร้ายร่างกายอยู่ในขณะนี้ รวมถึงคดีเก่าก็มีสาเหตุมาจากอาการเมาสุรา
พญ.กิตติวรรณ กล่าวต่อว่า เป็นเรื่องปกติมนุษย์จะมีความเครียดจากปัจจัยที่แตกต่างกัน แต่ปกติแล้วส่วนใหญ่จะควบคุมและเก็บความรู้สึกเหล่านั้นไว้ในใจ แต่บางคนหากอยู่ในอาการเมาสุราแล้ว กำแพงกั้นความรู้สึกก็จะถูกทลายออกไป ทำให้หลากหลายความรู้สึกพรั่งพรูออกมา จนส่งผลต่อพฤติกรรมโดยที่บุคคลนั้นไม่รู้ตัว ในฐานะที่ทำงานให้คำแนะนำแก่ผู้ติดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ขอแนะนำให้นายสมชายเลิก หรืองดดื่มสุราให้ได้มากที่สุด เพื่อป้องกันเรื่องราวที่จะตามมาภายหลัง แต่หากทำไม่ได้ บุคคลใกล้ชิดต้องคอยดูแล โดยเฉพาะเวลาเมา