ลือทหารพม่ามีแผนจะเผาบ้านวาเล่ย์

เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2553 สถานการณ์ชายแดนไทย-พม่า ที่บ้านวาเล่ย์ ต.วาเล่ย์ อ.พบพระ จ.ตาก ผู้อพยพหลบหนีภัยจากการสู้รบชาวกะเหรี่ยง กว่า 200-300 คน ยังคงอาศัยอยู่ในสนามเฮลิคอปเตอร์ หลังจากได้หนีภัยสงครามระหว่างทหารรัฐบาลพม่า กับกองกำลังกะเหรี่ยงพุทธเพื่อประชาธิปไตย DKBA ที่ค่ายวาเล่ย์ ตรงข้ามบ้านวาเล่ย์ โดยผู้อพยพได้เข้ามาหลายครั้งแล้ว และถูกผลักดันออกไป แต่ต้องกลับเข้ามาอีก เนื่องจากเหตุการณ์ยังไม่สงบ และครั้งนี้กลุ่มผู้อพยพได้อาศัยอยู่ในเขตไทย นานที่สุดเป็นเวลาหลายวัน เพราะไม่ยอมกลับไป ขอรอดูสถานการณ์ให้สงบอย่างแท้จริงก่อน โดยมีข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วชายแดน ว่า รัฐบาลทหารพม่า มีแผนที่จะเผาหมู่บ้านวาเล่ย์ ของชาวกะเหรี่ยงในฝั่งพม่า เพราะเข้าใจว่า ชาวพม่าในหมู่บ้านวาเล่ย์ รู้เห็นเป็นใจกับ ทหารกะเหรี่ยง DKBA โดยให้เข้าไปยิงโจมตีทหารพม่าบ่อยๆ

สำหรับการสู้รบตามแนวชายแดนไทย-พม่า ฝ่ายทหารพม่า ถูกซุ่มโจมตีตลอดการเคลื่อนไหว ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิตจำนวนมาก

ส่วน สถานการณ์ชายแดนไทย-พม่า ที่บริเวณริมแม่น้ำเมย บ้านท่าอาจ หมู่ 3 ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก เจ้าหน้าที่กรมโยธาธิการ ได้ให้ผู้รับเหมาสร้างพนังป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำเมย ระยะทางประมาณ 800 เมตร งบประมาณกว่า 13 ล้านบาท ได้เสร็จสิ้นไปแล้ว หลังจากที่พม่าประท้วงฝ่ายไทยไม่ให้สร้างพนังกันดินดังกล่าว แต่ต่อมาฝ่ายพม่า ได้ระดมสร้างพนังกันดินต่อไป แม้ว่า ฝ่ายไทยได้สร้างแล้วเสร็จก็ตาม แต่ทางการพม่า ยังคงสร้างพนังกันดินต่อไป ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อน้ำได้เซาะตลิ่งฝั่งไทย โดยคณะกรรมการประสานงานชายแดนไทย-พม่า ระดับท้องถิ่น TBC แม่สอด-เมียวดี ฝ่ายไทย ได้ขอความร่วมมือจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในพื้นที่ เพื่อของบประมาณไปแก้ปัญหาในการโครงการก่อสร้างพนังกันดินในส่วนของฝั่งไทยในช่วงต่อไป