สยอง!ส่งบึ้มดับสาวใหญ่เละคาร้าน

เกิดเหตุระเบิดสยองที่ร้านก่อสร้างใน จ.ตราด หลังมือบึ้มส่งกล่องพัสดุหวังฆ่าน้องสาวแต่เจ้าตัวไม่อยู่ ก่อนพี่สาวเคราะห์ร้ายแกะกล่องเปิดดู บึ้มดับคาที่

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 16.45 น. วันที่ 20 ธ.ค. สภ.เมืองตราด ได้รับแจ้งมีเหตุระเบิดร้านตั้งง่วนเซ้ง เป็นร้านจำหน่ายอุปกรณ์ก่อสร้าง เลขที่ 49-53 ตำบลบางพระ อำเภอเมือง จังหวัดตราด เป็นเหตุทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บหลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ

ที่เกิดเหตุเป็นตึก 2 ชั้น 3 คูหา ซึ่งเปิดเป็นร้านจำหน่วยอุปกรณ์ก่อสร้างภายในร้านพบข้าวของถูกแรงระเบิดกระจัดกระจายทั่วร้าน บริเวณใกล้โต๊ะบัญชี พบศพผู้เสียชีวิตคือ นางจารุณี เรืองรัตนตรัย อายุ 59 ปี สภาพศพถูกแรงระเบิดจนแขนขาดทั้ง 2 ข้าง หน้าท้องแตกไส้ทะลักออกมา นอกจากนี้ มีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 2 รายอาการสาหัส คือนางสาวจันทิมา เรืองรัตนตรัย อายุ 54 ปี น้องสาวนางจารุณี และนางสาววรัทญา สุคนธ์ขจร อายุ 30 ปีพนักงานขายสินค้าในร้าน โดยทั้ง 2 คน ได้รับบาดเจ็บบริเวณลำตัว และใบหน้าหลายแห่ง ซึ่งขณะนี้แพทย์ได้ให้การช่วยเหลือจนอาการพ้นขีดอันตรายแล้ว

จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่าร้านเกิดเหตุเป็นของนางจุฑารัตน์ เรืองรัตนตรัย อายุ 52 ปี น้องสาวอีกคนของนางจารุณี ผู้เสียชีวิต ก่อนเกิดเหตุนางจุฑารัตน์กับสามีได้เดินทางไปทำธุระที่เกาะช้าง จึงให้พี่สาวกับน้องสาวช่วยดูแลร้าน ระหว่างนั้นมีห่อพัสดุส่งมาถึงนางจุฑารัตน์ แต่นางจารุณี ผู้เสียชีวิต เห็นว่าน้องสาวไม่อยู่จึงได้แกะกล่องพัสดุออกดู หลังจากนั้นก็เกิดระเบิดอย่างรุนแรง ทำให้นางจารุณี เสียชีวิตคาที่ ส่วนนางสาวจันทิมา และนางสาววรัทญา ได้ถูกแรงระเบิดบาดเจ็บไปด้วย

ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้สันนิษฐานว่า คนร้ายน่าจะหวังเอาชีวิตนางจุฑารัตน์ เรืองรัตนตรัย เพราะได้ส่งกล่องพัสดุมาให้ และระบุชื่อได้อย่างถูกต้อง แต่นางจารุณี เรืองรัตนตรัย ผู้เสียชีวิตกลับเปิดกล่องดูเสียก่อน ส่วนประเด็นการสังหารเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งไว้ 2 ประเด็น คือ เรื่องมรดกของครอบครัว เนื่องจาก ก่อนหน้านี้พี่น้องในตระกูล มีเรื่องทะเลาะกันอย่างรุนแรงในเรื่องมรดกของครอบครัว รวมทั้งเรื่องการขัดแย้งในการธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ที่มีการตัดราคากันอย่างรุนแรง โดยเฉพาะการเดินทางไปรับเหมาก่อสร้างในพื้นที่จังหวัดทางภาคใต้ ส่วนวัตถุระเบิดนั้นเจ้าหน้าที่ยังไม่ทราบว่าเป็นระเบิดชนิดใดยังคงต้องรอผลการตรวจอีกครั้ง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งตำรวจชุดสืบสวนทำการเร่งหาข้อมูลแล้ว คาดว่าจะรู้ตัวคนร้าย และติดตามตัวมาดำเนินคดีได้ในเร็วๆ นี้