5 มือบึ้มรับป่วนหวังการเมืองเปลี่ยน
พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 แถลงข่าวการจับกุม 5 ผู้ต้องหา พร้อมอาวุธสงครามที่ถูกจับกุมได้ เมื่อวันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา ทราบชื่อคือ 1. นายธวัชชัย หรือ ดำ เอี่ยมนาค อายุ 37 ปี 2. นายดร มาตา อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 143 ม.3 ต.นาแส่ง อ.เกาะคา จ.ลำปาง 3. นายนพคุณ ศรีวงศ์มงคล อายุ 60 ปี อยู่บ้านลขที่ 37 ซ.พระราม 2 ซอย 69 แยก 2-8 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กทม. 4.นายวิวัฒน์ หรือ เซี๊ยะ วัฒนสกุลยิ้ม อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 79/125 ซ.ศิลปเดช ถ.จอมทอง แขวงบางค้อ เขตบางขุนเทียน กทม. 5. นายมานัส รันรัตน์ อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 77/2 ต.แช่ช้าง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่
จากการสอบสวนเบื้องต้น นายธวัชชัย ให้การว่าอาวุธทั้งหมดเป็นของเพื่อน ชื่อ พล ซึ่งเป็นคนที่รู้จักกันในการชุมนุมและนำมาฝากไว้นานกว่า 4 เดือนแล้ว จากนั้นตนจึงนำออกมาประกอบและนำระเบิดไปวางไว้ เพื่อก่อความไม่สงบ เนื่องจากต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเกิดขึ้นเพราะเคยแสดงออกทางความคิดเห็น แต่ไม่เป็นผลจึงต้องใช้วิธีนี้แต่ขณะดำเนินการกลับพบเจ้าหน้าที่กั้นรั้วลวดหนามไว้ จึงยังไม่สามารถวางระเบิดได้
สำหรับ นายดร มาตา 1 ในผู้ต้องหา ทั้ง 4 คน ให้การว่า อาวุธทั้งหมดเป็นของ นายธวัชชัย ที่นำมาฝากไว้ ส่วนอีก 3 คน แค่อยากดูอาวุธทั้งหมดเท่านั้น ไม่คิดที่จะก่อเหตุแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ จะคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมด เพื่อสอบปากคำอีกครั้งและขยายผลต่อไป
ด้าน พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ที่ปรึกษาสัญญาบัตร 10 (สบ10) รับผิดชอบงานสืบสวนสอบสวน เปิดเผยภายหลังเข้ารายงานข้อมูลการจับกุมผู้ต้องหา พร้อมเครื่องระเบิดและอาวุธจำนวนมากเมื่อคืนนี้ ต่อ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ซึ่งใช้ระยะเวลาการหารือ นานกว่า 30 นาที ว่า รองนายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ดูแลความปลอดภัยการชุมนุม ขณะที่ ความคืบหน้าการดำเนินคดีดังกล่าว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะเป็นผู้เปิดเผยรายละเอียด
ทั้งนี้จากการสืบสวนสอบสวนเบื้องต้นนั้นพบว่า มีการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้ติดตามการเคลื่อนไหวมาตั้งแต่ก่อนช่วงเทศกาลปีใหม่ ขณะที่ ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่า เคยก่อเหตุมาแล้วถึง 3 จุด คือ ที่เวทีราชประสงค์ ซอยรางน้ำ และที่จังหวัดสมุทรสาคร โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติม เพื่อขยายผลถึงความเชื่อมโยงกับกลุ่มการเมืองและผู้ที่อยู่เบื้องหลัง โดยจะดำเนินการอย่างสุดความสามารถ และตามขั้นตอน โดยขณะนี้จะมีการตรวจสอบดีเอ็นเอของผู้ต้องหา กับการก่อเหตุต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น