อิม แท กยุน : อปป้าหน้าใสหัวใจลูกหวายผู้มีเป้าหมายอยากชนะไทย
“การชนะทีมชาติไทย มันสำคัญมากสำหรับผม เพราะพวกเขาเป็นแชมป์โลก จะเรียกว่าเป็นเป้าหมายสูงสุดในการเล่นตะกร้อของผมเลยก็ได้นะ”
นี่คือคำกล่าวของ อิม แท กยุน (임태균) นักกีฬาตะกร้อทีมชาติเกาหลีใต้ ที่สร้างสียงฮือฮาให้แก่วงการลูกหวายเมืองไทย หลังเดินทางมาค้าแข้งอาชีพ ในศึกตะกร้อไทยแลนด์ลีก ฤดูกาลที่ผ่านมา
ในโลกกีฬาที่ไร้พรมแดน การที่นักกีฬาต่างชาติจะย้ายมาเล่นกีฬาอาชีพในเมืองไทย ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจหรือน่าตื่นเต้นเท่าใดนัก เพราะหลายครั้งมันคือการลดระดับตัวเองลงมาเจอความท้าทายที่น้อยกว่า
แต่เรื่องราวของ อิม แท กยุน ไม่ได้เป็นแบบนั้น “ประเทศไทย” คือ เวทีสูงสุดของกีฬาตะกร้อ และเป็นเป้าหมายสูงสุดของหนุ่มหน้าหล่อวัย 23 ปี ที่ต้องการพิสูจน์ตัวเองว่าเขาดีพอจะก้าวข้ามประเทศที่ดีที่สุดในกีฬาตะกร้อได้สักวัน
Main Stand เดินทางมายัง โรงเรียนกีฬาเทศบาลนครนครปฐม สถานที่ฝึกซ้อมของ สโมสรตะกร้อนครปฐม เพื่อพูดคุยกับ อิม แท กยุน อปป้าหน่าหล่อวัย 23 ปี ที่กำลังเก็บตัวก่อนลงแข่งขันกีฬาแห่งชาติเกาหลีใต้ ถึงเรื่องราวที่ผ่านมาบนเส้นทางลูกหวาย
จากสนามฟุตบอลสู่คอร์ตยางตะกร้อ
อิม แท กยุน เกิดและเติบโตในเมืองโกยาง (고양) เมืองใหญ่ในเขตปริมณฑลของกรุงโซล เมืองหลวงของประเทศเกาหลีใต้ ที่มีประชากรมากกว่า 1 ล้านคน
เมืองโกยางโด่งดังจากการเป็นศูนย์รวมมหาวิทยาลัยชื่อดังในประเทศเกาหลีใต้ ทั้ง วิทยาลัยสหกรณ์เกษตรกรรม, มหาวิทยาลัยการบินและอวกาศเกาหลี และ มหาวิทยาลัยกฎหมายและธุรกิจนานาชาติ
หากแต่ความฝันในอนาคตของเด็กชาย อิม แท กยุน ไม่ใช่เกษตรกร, วิศวกรการบิน หรือ นักกฎหมาย ความฝันแรกและความฝันเดียวในใจของเขา คือ การเป็นนักฟุตบอลอาชีพ หลังได้เห็นทีมชาติเกาหลีใต้ ประสบความสำเร็จในศึกฟุตบอลโลกปี 2002
อิม แท กยุน จึงเริ่มเล่นฟุตบอลในโรงเรียนตั้งแต่อายุ 11 ปี แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้พิสูจน์ฝีมือในการแข่งขันระดับอาชีพ อิม แท กยุน ได้รับอาการบาดเจ็บหนัก จนต้องเลิกเล่นฟุตบอลเป็นการถาวร ด้วยวัยเพียง 14 ปี
“ผมได้รับอาการบาดเจ็บที่หัวเข่า และต้องเข้ารับการผ่าตัด หลังจากนั้นผมจึงไม่ได้เล่นฟุตบอลอีก” อิม แท กยุน เล่าเรื่องราวชีวิตของเขา ผ่านการพูดใส่โทรศัพท์ แล้วแปลภาษาจากกูเกิล ทรานสเลท
“แต่ผมเป็นคนชอบออกกำลังกาย ผมอยากเล่นกีฬาเสมอ ลึกๆผมยังฝันที่จะเป็นนักกีฬาอาชีพอยู่”
เมื่อความฝันบนเส้นทางนักฟุตบอลอาชีพจบลง อิม แท กยุน กลับเข้าสู่ชีวิตปกติทั่วไปในประเทศเกาหลีใต้ นั่นคือตื่นเช้าไปโรงเรียน ตกเย็นเข้าศูนย์กวดวิชา กลับบ้านในตอนค่ำเพื่อเตรียมตัวตื่นเช้ามาเรียนหนังสือต่อไป
“ตอนเรียนหนังสือในโรงเรียนธรรมดา ผมไม่ได้วางแผนอะไรในอนาคตเลย แค่แอบคิดไว้ว่าอยากจะเป็นครูสอนวิชาพละ แต่ก็ได้แค่คิดเท่านั้น ไม่ได้จริงจังอะไร”
ชีวิตของ อิม แท กยุน มาเจอจุดเปลี่ยนเมื่ออายุ 18 ปี หลังได้รับการแนะนำจากคุณครูให้รู้จักกีฬาเซปักตะกร้อ กีฬาพื้นเมืองจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่เพิ่งเข้าสู่ประเทศเกาหลีใต้ได้ไม่ถึง 10 ปี
“ผมรู้ว่ามีการแข่งขันตะกร้อในประเทศเกาหลี จากการแนะนำของคุณครู เขาบอกผมว่า ตะกร้อเป็นกีฬาที่สนุกมาก ผมจึงลองเดินทางไปดูการแข่งขันตะกร้อ”
“เมื่อผมได้ดูตะกร้อด้วยตัวเอง ผมรู้สึกสนใจมาก ผมจึงเดินทางไปยังโรงเรียนกีฬาท้องถิ่น เพื่อหาดูว่ามีเปิดสอนตะกร้อหรือเปล่า”
อิม แท กยุน ตระเวนติดต่อโรงเรียนกีฬาทั่วจังหวัดคยองกี แต่ไม่พบโรงเรียนที่เปิดสอนกีฬาตะกร้อดั่งหวัง
เขาจึงเดินทางไกล 285 กิโลเมตร จากจังหวัดคยองกี ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศ สู่เมืองใหญ่ทางตอนใต้อย่าง “ปูซาน” เพื่อเข้าเรียนโรงเรียนกีฬาที่บรรจุวิชาตะกร้อ และคว้าโอกาสสุดท้ายในการเป็นนักกีฬาอาชีพเอาไว้
ความรับผิดชอบ
“ช่วงแรกผมเล่นกีฬาตะกร้อเพื่อความสนุก แต่เมื่อผมเข้าโรงเรียนกีฬา เป้าหมายของผมชัดเจนขึ้น และผมซ้อมหนักให้มากที่สุด มากเท่าที่จะเป็นไปได้”
คำกล่าวข้างต้นของ อิม แท กยุน ไม่ได้เกินความจริงเลยแม้แต่น้อย ผู้เขียนมาถึงโรงเรียนกีฬาเทศบาลนครนครปฐม เพื่อชมการฝึกซ้อมของ อิม แท กยุน ตั้งแต่เวลา 10 โมงเช้า ถึงเที่ยงตรง ตลอดช่วงเวลา 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา เราไม่เคยเห็นตัวเขา และเพื่อนร่วมทีมชาวเกาหลีใต้ นั่งพักแม้แต่ครั้งเดียว
เสียงตะโกนของความมุ่งมั่น และ เสียงตะโกนของความผิดหวัง ดังสลับกันอย่างต่อเนื่อง ทุกครั้งที่นักตะกร้อชาวเกาหลีใต้ ไม่สามารถฝึกซ้อมได้ตามเป้าหมาย พวกเขาจะรีบหยิบลูกตะกร้อขึ้นมาใหม่ เพื่อเริ่มการฝึกซ้อมเซ็ตใหม่อีกครั้ง ไม่มีเวลาให้นั่งโอดครวญ หรือพักเพื่อตั้งสติ
แม้แต่ตอนก่อนสัมภาษณ์ อิม แท กยุน ที่เดินผ่านสนามตะกร้อเพื่อมาพูดคุยกับเรา ยังอดไม่ได้ที่จะหยิบบอลมาเซ็ต และซ้อมด้วยตัวเองอีกครั้ง จนโค้ชต้องบอกให้เลิกซ้อม เพื่อเตรียมตัวสัมภาษณ์ตามที่นัดหมายไว้
“ตอนอยู่โรงเรียนกีฬา ผมซ้อม 4 ครั้งต่อหนึ่งวัน ช่วงเช้าตั้งแต่ตีห้าถึงเจ็ดโมงเช้า ช่วงสายตั้งแต่เก้าโมงถึงสิบเอ็ดโมง ช่วงบ่ายตั้งแต่บ่ายสามถึงห้าโมงเย็น และช่วงค่ำตั้งแต่หนึ่งทุ่มครึ่งถึงสองทุ่มครึ่ง” อิม แท กยุน เล่าเป็นภาษาเกาหลี ก่อนกล่าวเป็นภาษาไทยในประโยคถัดมาที่หมายถึงอายุ
“ไทยแลนด์ แปด เก้า สตาร์ท (เริ่มเล่นตะกร้อ) โคเรีย สิบเจ็ด สิบแปด สตาร์ท”
เนื่องจากเขาเริ่มต้นช้าคนไทย เขาจึงต้องฝึกหนักกว่ามากหลายเท่า อิม แท กยุน เล่าว่าตัวเขาไม่มีปัญหากับการฝึกฝนที่หนักหน่วงของกีฬาตะกร้อ เพราะตามคำบอกเล่าของ อิม เขาบอกว่า ทุกกีฬาในประเทศเกาหลีใต้ ล้วนมีการฝึกซ้อมที่หนักทั้งสิ้น
“ความรับผิดชอบ” อิม แท กยุน ตอบสั้นๆ ถึงแนวคิดหลักที่ถูกปลูกฝังในใจนักกีฬาเกาหลีใต้ทุกคน
“ความรับผิดชอบมันสำคัญมากสำหรับชาวเกาหลีใต้ ตะกร้อคืออาชีพของผม มันหมายถึงเงินและอีกหลายอย่าง ผมไม่สามารถละเลยความรับผิดชอบ ต่อหน้าที่ของตัวเองได้”
“คนไทยบางคนอาจไม่จริงจังตอนซ้อม เพราะถ้าเขาเก่ง เขาก็ยังมีสโมสรอยู่ สำหรับเกาหลีมันไม่ใช่แบบนั้น ต่อให้เขาจะเก่งแค่ไหน แต่หากคุณขี้เกียจ คุณจะถูกตัดออกจากทีมทันที และก็จะไม่มีทีมไหนเลือกคุณอีกเลย”
ความฝันเบื้องหน้าที่ยาวไกล
ปัจจุบัน อิม แท กยุน อายุ 23 ปี เขาถือเป็นผู้เล่นระดับแนวหน้าในวงการตะกร้อเกาหลีใต้ หลังประสบความสำเร็จกับทีม ปูซาน สเกาท์ ทีมตะกร้อตัวแทนเมืองปูซาน จนคว้าเหรียญทองและเหรียญทองแดง จากกีฬาแห่งชาติของประเทศเกาหลีใต้
เขาจึงย้ายสู่ทีมโกยาง ซิตี้ สโมสรมหาเศรษฐี แห่งวงการตะกร้อเกาหลีใต้ อันเป็นทีมบ้านเกิดของ อิม แท กยุน เอง
“ยี่สิบ ยี่สิบเอ็ด ยี่สิบสอง ปูซาน ยี่สิบสาม เชนจ์ (เปลี่ยนทีม)” อิม แท กยุน พูดภาษาไทยเพื่อสื่อสารกับผู้เขียน โดยไม่ต้องพึ่งกูเกิล ทรานสเลท
“ผมต้องการชนะการแข่งขันทุกรายการ เกาหลีใต้มีทัวร์นาเมนต์ตะกร้อ 4 ครั้ง ผมต้องการชนะทั้งหมด ผมจึงย้ายมาอยู่โกยาง ซิตี้ เพราะพวกเขามีผู้เล่นที่ดีกว่า”
กีฬาตะกร้อเกาหลีใต้ แม้จะยังไม่ได้รับความนิยมมากนักในเกาหลีใต้ เพราะไม่ได้รับการบรรจุเข้ามหกรรมกีฬาโอลิมปิก
แต่เงินที่หมุนเวียนในวงการกลับมีมากจนน่าตกใจ อิม แท กยุน ย้ายสู่ทีมโกยาง ซิตี้ ด้วยค่าตัวราว 5 ล้านบาท พร้อมกับรับเงินเดือนราว 1 แสนบาท และได้เบี้ยเลี้ยงจากการเป็นนักตะกร้อทีมชาติอีก 3 หมื่นบาทต่อเดือน
เมื่อพิจารณาจากเม็ดเงินที่เขาได้รับ อิม แท กยุน ดูเหมือนจะประสบความสำเร็จแล้ว บนเส้นทางอาชีพนักตะกร้อของตัวเขา หากแต่เจ้าตัวกล่าวว่ายังมีเป้าหมายสำคัญอีกสองอย่างที่เขาตั้งเอาไว้ จึงจะสามารถกล่าวได้ว่า เขาประสบความสำเร็จในการเป็นนักตะกร้อจริงๆ
“ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยมีแฟนเลย เพราะผมต้องการทุ่มเทเวลาให้กับตะกร้อเพียงอย่างเดียว ถ้าผมประสบความสำเร็จตามที่ผมตั้งเป้าหมายไว้ได้ ผมคิดว่าน่าจะถึงเวลาที่ผมจะสร้างครอบครัวเสียที”
“เป้าหมายของผมตอนนี้มีสองอย่าง อย่างแรกคือผมต้องการคว้าเหรียญทองเอเชียน เกมส์ อีกอย่างคือเอาชนะประเทศไทย”
สำหรับเป้าหมายแรก ผู้เขียนสามารถเข้าใจได้ในทันที เพราะกีฬาตะกร้อยังไม่ถูกบรรจุในมหกรรมกีฬาโอลิมปิก เอเชียน เกมส์ จึงเป็นเวทีสูงสุดสำหรับนักกีฬาตะกร้อทั่วเอเชีย และการคว้าเหรียญทองจากเวทีนี้ ยังสามารถช่วยให้ อิม แท กยุน ได้รับการละเว้นจากการเข้าไปประจำการเป็นทหารเกณฑ์ ตามกฎหมายของประเทศเกาหลีใต้
แต่เป้าหมายที่สอง “การเอาชนะตะกร้อทีมชาติไทย” นั่นทำให้เราสงสัยเป็นอย่างมากว่า เหตุใดจึงมีความสำคัญมากขนาดนั้น การเอาชนะการแข่งขันเพียงนัดเดียว มีความสำคัญเท่ากับเหรียญทองเอเชียได้อย่างไร?
แทนที่จะตอบด้วยคำพูด อิม แท กยุน ตอบคำถามดังกล่าว ด้วยการเดินทางสู่ดินแดนสยาม เพื่อลงเล่นในศึกตะกร้อ ไทยแลนด์ ลีก ฤดูกาล 2019 ที่ผ่านมา กับสโมสรตะกร้อนครปฐม เป็นจำนวน 2 เกม
โดยไม่คิดค่าตัวแม้แต่บาทเดียว เพื่อวัดฝีมือของตัวเองกับนักตะกร้อชาวไทย ว่าตัวเขายังห่างไกลจากเป้าหมายที่ตั้งไว้มากแค่ไหน
“ผมได้พัฒนาเยอะขึ้น เมื่อได้มาฝึกซ้อมและลงเล่นในประเทศไทย ผู้เล่นระดับเยาวชนของที่นี่ เก่งเหมือนกับผู้เล่นในสโมสรของเกาหลีใต้ มันเป็นแรงกระตุ้นให้ผมอยากพัฒนาตัวเองขึ้นไปอีก”
“ตอนนี้ผมติดทีมชาติเกาหลี แต่ถ้าเทียบกับนักตะกร้อไทย พวกเขาคะแนนเต็ม 10 ผมให้คะแนนตัวเองแค่ 6 เท่านั้น เพราะผมยังรักษามาตรฐานของตัวเองไม่ได้ บางครั้งผมยังตื่นเต้น และเล่นได้ไม่ตามเป้าหมาย”
“ผมอยากมาเล่นตะกร้อในประเทศไทยเสมอ มันให้ประสบการณ์ที่ดีมากมายแก่ผม”
อิม แท กยุน อาจเป็นดาวดังในประเทศเกาหลีใต้ แต่สำหรับประเทศไทย การผจญภัยของเขาเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น ยังมีบททดสอบอีกมากที่เขาต้องพิสูจน์ตัวเองบนเส้นทางสายนี้ หนทางสู่ความสำเร็จและความสำเร็จที่ อิม แท กยุน ตั้งเป้าหมายไว้ ไม่ได้อยู่ใกล้แค่เอื้อมเหมือนในความฝัน
เมื่อเราถามว่าเขาจะรู้สึกอย่างไรหากไปไม่ถึงตรงนั้น หนุ่มเกาหลีพูดไทยคำอังกฤษคำคนนี้ ตอบอย่างเต็มปากว่า “ไม่มีอะไรให้ต้องเสียใจ” เมื่อย้อนกลับไปถึงวันที่กีฬาตะกร้อ มอบความหมายและจุดเริ่มต้นใหม่ ให้แก่ชีวิตของเขา
“ตะกร้อสำคัญกับชีวิตผมมาก ผมได้เริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้งกับกีฬานี้ (นึกคิด) ผมเจ็บไปก่อนหน้านี้ ผมเศร้ามากที่ผมต้องเลิกเล่นฟุตบอล หลังจากนั้นผมก็เอาแต่เรียน มันเหมือนกับว่าผมไม่ได้ใช้ชีวิตของตัวเองเลย”
“ตอนนี้ชีวิตของผมมีความสุขมาก แฮปปี้ แฮปปี้” อิม แท กยุน กล่าวเป็นภาษาอังกฤษทิ้งท้าย เพื่อสื่อสารความรู้สึกในใจว่าตะกร้อได้มอบชีวิตให้แก่เขา