เก็บตก 4 ประเด็นร้อน หลังเกม หงส์แดง บุกดับ เกงค์
4. ความเป็นไปของเกม
ลิเวอร์พูล ออกสตาร์ทที่ ลูมินัส อารีนา ได้อย่างสมบูรณ์แบบเมื่อการยิงไกลของ อเล็กซ์ อ็อกซ์เหลด-แชมเบอร์เลน ทำให้พวกเขาออกนำตั้งแต่นาทีที่ 2 และเป็นฝ่ายครองเกมได้หลังจากนั้นทว่ามีช็อตหวาดเสียวตามมาเมื่อถูก เกงค์ เล่นงานในจังหวะสวนกลับเร็วจนถูกเจาะตาข่ายแต่เคราะห์ดีที่การพิจารณาจาก วีเออาร์ ให้เป็นลูกล้ำหน้า
ขณะที่ครึ่งหลังพวกเขาดูจะกระตือรือล้นยิ่งกว่าเดิมเพื่อควานหาประตูถัดไปก่อนที่ ดิ อ็อกซ์ จะดีดไซด์ก้อยจากบริเวณกรอบเขตโทษเป็นลูก 2-0 และปิดท้ายด้วยประตูย้ำชัยของ ซาดิโอ มาเน กับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ในเวลาต่อมา
เกมเกือบจะจบลงด้วยชัยชนะพร้อมคลีนชีทอย่างเพอร์เฟ็กท์สำหรับ เร้ดแมชีน ทว่าพวกเขาก็มาเสียประตูให้กับเจ้าถิ่นในช่วงท้ายจากความผิดพลาดของ เดยัน ลอฟเรน ที่เสียบอลในแดนหลังจนเป็นเหตุให้ สตีเฟน โอเดย์ พังประตูตีไข่แตกเป็นลูกปลอบใจให้กับพวกเขา
3. ร็อบโบ้ ถูกเผาเครื่อง
กลายเป็นเกมที่ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน ถูกแนวรุกที่กราบขวาของ เกงค์ เล่นงานอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะ จุนยะ อิโต้ ปีกขวาวัย 26 ปีชาว ญี่ปุ่น ที่เผาเครื่องเล่นงานฟูลแบ็คทีมชาติ สกอตแลนด์ จนเกือบมีส่วนร่วมให้ทีมได้ประตูแต่ถูก วีเออาร์ จับล้ำหน้าไปเสียก่อน
กระทั่ง เยอร์เก้น คล็อปป์ ยังตัดสินใจส่งเอา โจ โกเมซ ลงสนามแทนที่ ร็อบโบ้ ในครึ่งหลังและขยับเอา เจมส์ มิลเนอร์ ไปประจำการที่ตำแหน่งแบ็คซ้ายแทน
2. สถิติหลังเกมของ หงส์แดง
- ลิเวอร์พูล ทำสถิติเก็บชัยชนะ 25 นัดจาก 30 เกมหลังสุดเมื่อรวมทุกรายการเข้าไปแล้ว (ชนะ 25 เสมอ 3 แพ้ 2) โดยการกำชัย 7 นัดในนั้นเกิดขึ้นในรายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก
- เกงค์ กลายเป็นสโมสรที่ไม่สามารถเก็บชัยชนะในถ้วย บิ๊กเอียร์ ติดต่อกันนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของรายการนี้ที่ 15 นัด (ชนะ 0 เสมอ 8 แพ้ 7)
- หงส์แดง เป็นทีมจาก อังกฤษ ทีมที่ 4 ที่พังประตูใน ยูซีแอล แตะหลัก 200 ประตูต่อจาก อาร์เซนอล (281), เชลซี (269) และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (373)
- 4 ประตูจาก 7 ลูกที่ อ็อกซ์เหลด-แชมเบอร์เลน ยิงให้ เร้ดแมชีน เกิดขึ้นจากนอกกรอบเขตโทษ
- โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน กลายเป็นนักเตะที่ทำแอสซิสต์ใน แชมเปี้ยนส์ลีก ได้มากที่สุด (11 ครั้ง) หากนับรวมตั้งแต่ฤดูกาล 2017/18
1. ค่ำคืนของ ดิ อ็อกซ์
2 ประตูที่ อ็อกซ์เหลด-แชมเบอร์เลน ทำได้ในเกมนี้ส่งให้เจ้าตัวมีชื่ออยู่บนพาดหัวในฐานะโดดเด่นกว่าใครเพื่อน ลูกยิงในนาทีที่ 2 ของเขานับเป็นประตูแรกของดาวเตะชาว อังกฤษ ที่ทำได้หลังจากคัมแบ็คจากอาการบาดเจ็บรุนแรงที่หัวเข่า และน่าจะเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับเจ้าตัวต่อเนื่อง สำหรับเกมในอนาคตเพื่อเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญของ หงส์แดง ท่ามกลางโปรแกรมเตะที่จะถี่ขึ้นเรื่อยๆ เป็นลำดับต่อไป