พรตพิทยพยัต ต้อน ราชวินิตบางแคฯ ,ปทุมคงคา เชือด ฐานปัญญา ลิ่วรอบ 2 คิง เพาเวอร์ คัพ เมืองกรุง

พรตพิทยพยัต ต้อน ราชวินิตบางแคฯ ,ปทุมคงคา เชือด ฐานปัญญา ลิ่วรอบ 2 คิง เพาเวอร์ คัพ เมืองกรุง

พรตพิทยพยัต ต้อน ราชวินิตบางแคฯ ,ปทุมคงคา เชือด ฐานปัญญา ลิ่วรอบ 2 คิง เพาเวอร์ คัพ เมืองกรุง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

การแข่งขันฟุตบอลเยาวชนรุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี คิง เพาเวอร์ คัพ 2019/20 รอบคัดเลือกโซนกรุงเทพมหานคร ณ สนามซ้อม เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด

โดยมี อดัม ฟ็อกซ์ นักวิเคราะห์ผู้เล่นทีมชุดใหญ่สโมสรฟุตบอล เลสเตอร์ ซิตี้ ประเทศอังกฤษเข้ามาชมเกม เพื่อคัดเลือกนักเตะเข้าสู่โครงการ ฟ็อกซ์ ฮันท์ รุ่นที่ 5 สำหรับรอบคัดเลือกโซนกรุงเทพมหานคร ประจำวันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน 2562 เป็นการแข่งขันในรอบแบ่งกลุ่มนัดสุดท้าย มีการแข่งขันทั้งหมด 8 คู่ 2 สนาม
kp1เกมคู่ที่น่าสนใจเป็นการพบกันระหว่าง โรงเรียนเทพศิรินทร์ ในชุดสีเหลือง พบกับ โรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี ในชุดสีน้ำเงิน ซึ่งทั้งสองทีมเก็บชัยชนะมาได้ทั้ง 2 นัดในรอบแบ่งกลุ่ม

เริ่มเกมครึ่งแรกได้เพียงนาทีเดียว เทพศิรินทร์ พลาดโอกาสขึ้นนำจากจังหวะขึ้นเกมฝั่งขวาก่อนที่ ชนินทร ภาคทอง จะเปิดย้อยไปชนคานออกหลังไป จังหวะถัดมา สุรศักดิ์มนตรี ได้ทักทายบ้างจากจังหวะที่ ณัฐพล พินิจลึก ได้หลุดไปยิงมุมแคบด้วยขวาไปยังติดเซฟธนภัทร น้ำพร้า ผู้รักษาประตูเทพศิรินทร์

นาทีที่ 8 สุรศักดิ์มนตรี ได้จบอีกครั้งจากจังหวะที่ ณัฐนนท์ อนันตะบุตร เปิดฟรีคิกจากฝั่งซ้ายให้ ณัฐพล พินิจลึก โฉบโหม่งเช็ดที่เสาแรก บอลหลุดเสาสองออกไปหวุดหวิด นาทีที่ 13 เทพศิรินทร์ได้โอกาสอีกครั้งจากลูกยิงไกลของ ธนากร โพธิ์กุล แต่บอลหลุดกรอบออกไป

นาทีที่ 20 สุรศักดิ์มนตรี ได้โอกาสยิงจากจังหวะที่ ศุภชัย ห่วงมิตร กระดกให้ ณัฐพล พินิจลึก ยิงด้วยขวาข้ามคานออกไป ช่วงเวลาที่เหลือทำอะไรกันไม่ได้ จบครึ่งแรกยังไม่มีสกอร์เกิดขึ้น เสมอกันอยู่ 0-0

กลับมาเล่นกันต่อในครึ่งเวลาหลังได้เพียง 3 นาที เทพศิรินทร์ ได้จบก่อนจากการยิงไกลระยะ 30 หลาของ วรวีร์ หมิเหร็น บอลไปตรงตัว ภานุวัฒน์ เสนีวงค์ ณ อยุธยา ผู้รักษาประตู สุรศักดิ์มนตรี

นาทีที่ 67 สุรศักดิ์มนตรี ได้ประตูขึ้นนำจนได้จากจังหวะครอสจากฝั่งซ้ายมาเข้าทาง นฤดม นาคราช วอลเล่ย์ด้วยขวาเสียบเสาสองเข้าไปอย่างสวยงาม และกลายเป็นประตูชัยให้ สุรศักดิ์มนตรี เอาชนะ เทพศิรินทร์ 1-0

kp2อีกหนึ่งคู่ที่น่าสนใจเป็นเกมระหว่าง รร.ราชวินิตบางแคปานขำ ในชุดสีแดง ที่ชนะ 1 และแพ้ 1 พบกับ รร.พรตพิทยพยัต ในชุดสีเหลืองที่ชนะ 1 และแพ้ 1 มาเช่นเดียวกัน

เปิดฉากครึ่งแรกรูปเกมยังคู่คี่สูสี โดยผ่าน 15 นาทีแรกทั้งสองทีมยังหาโอกาสพาบอลเข้าพื้นที่สุดท้ายไปลุ้นประตูไม่ได้ นาทีที่ 16 พรตพิทยพยัต ได้ลุ้นก่อนจากจังหวะฟรีคิกฝั่งซ้าย ธนวัฒน์ ไกยวรรณ ปั่นโค้งด้วยขวาหลุดสามเหลี่ยมไปนิดเดียว นาทีที่ 18 ราชวินิตบางแคปานขำ ได้ลุ้นบ้างจากจังหวะที่ ปุรเชษฐ์ พรหมสุรินทร์ ครอสจากฝั่งซ้ายมาที่เสาสองแต่ ชลน่าน ราชจักร์ เข้าชาร์จไม่ถึง

นาทีที่ 25 พรตพิทยพยัต มาได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะหลุดเข้ากรอบเขตโทษของ อดิสร สีเพ็ง ก่อนยิงสวนตัว สมพงศ์ จันทพงศ์ เข้าไปให้ พรตพิทยพยัต ออกนำ 1-0

หลังเสียประตู ราชวินิตบางแคปานขำ บางเปิดเกมบุกเข้าใส่ แต่จังหวะสุดท้ายยังหาโอกาสจบสกอร์ไม่ได้ นาทีที่ 33 ราชวินิตบางแคปานขำ ได้จบจากจังหวะที่ ปุรเชษฐ์ พรหมสุรินทร์ เกี่ยวบอลลงหน้ากรอบเขตโทษก่อนตวัดยิงด้วยขวา บอลหลุดเสาสองออกหลังไป จบ 35 นาทีแรก พรตพิทยพยัต ออกนำ ราชวินิตบาวแคปานขำ 1-0

เข้าสู่ครึ่งหลังได้นาทีเดียว พรตพิทยพยัต มาได้ประตูที่ 2 จากจังหวะฟรีคิกฝั่งซ้าย อดิสร สีเพ็ง ปั่นโค้งด้วยขวาเสียบเสาสองเข้าไปอย่างสวยงามให้ พรตพิทยพยัต นำห่างเป็น 2-0

นาทีที่ 50 ราชวินิตบางแคปานขำ เกือบได้ประตูตีไข่แตกจากฟรีคิกระยะ 25 หลา สิทธิพล แก้วกระจาย ปั่นไปชนคานออกไปอย่างน่าเสียดาย

ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่มเติม จบเกม รร.พรตพิทยพยัต เอาชนะรร.ราชวินิตบางแคปานขำ 2-0

k3เกมคู่สุดท้ายของวันเป็นเกมระหว่าง รร.ฐานปัญญา ในชุดสีขาว-ดำ ที่ชนะ 1 แพ้มา 1 พบเกม รร.ปทุมคงคา ในชุดน้ำเงินที่ชนะมาสองเกมรวด

เริ่มเกมในครึ่งเวลาแรก รร.ฐานปัญญา มีโอกาสลุ้นประตูขึ้นนำก่อน จากจังหวะที่ อดิศร หวันเตะ เติมเกมขึ้นมาได้ยิงฝั่งซ้ายแต่บอลไปเข้ามือของ เนติรัฐ คำวงค์ ผู้รักษาประตูของ รร.ปทุมคงคา รับไว้ได้ นาทีที่ 4 รร.ฐานปัญญา ได้ลุ้นอีกครั้ง จากจังหวะ วรวิทย์ เขียวสังข์ ไหลใส่พานมาให้ ชาญนภัส แก้วเกตุพงษ์ วางเท้ายิงนอกกรอบ บอลพุ่งชนคาน ยังไม่มีสกอร์เกิดขึ้น

นาทีที่ 17 รร.ปทุมคงคา มีโอกาสลุ้นประตูจากลูกยิงไกลของ ณัฐชนน สมบูรณ์ แต่บอลหลุดกรอบออกไป นาทีที่ 21 เจษฎา ธุริวัน กองกลางของ รร.ฐานปัญญามีโอกาสยิงไกลลูกใบไม้ร่วง แต่บอลไปชนคาน ยังไม่ได้ประตูขึ้นนำ ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมยังทำอะไรกันไม่ได้ หมดเวลาการแข่งขันครึ่งแรก รร.ฐานปัญญา เสมอกับ รร.ปทุมคงคา อยู่ที่ 0-0

เริ่มเกมในครึ่งหลังมาเพียง 5 นาที รร.ปทุมคงคา ได้ลุ้นประตูจากจังหวะฟรีคิก นิติพล แก้วเหมือน ยิงไปเสาแรก แต่ถูกผู้รักษาประตูของ รร.ฐานปัญญา รับไว้ได้ นาทีที่ 43 รร.ปทุมคงคา ได้ประตูขึ้นนำ จากลูกฟรีคิงของ นเรศ สังข์อินทร์ ยิงให้ทีมขึ้นนำไป 1-0 นาทีที่ 55 จากจังหวะฟรีคิก รร.ฐานปัญญา อดิศร หวันเตะ เปิดบอลเข้าไป ธนกร สุรวลีทรัพย์ เอาบอลลงไหลต่อไปให้ ชาญนภัทร แก้วเกตุพงษ์ ยิงหลุดเสาออกไป

หมดเวลาการแข่งขันในครึ่งหลัง รร.ปทุมคงคา ชนะ รร.ฐานปัญญาไป 1-0 รร.ปทุมคงคาชนะ 3 นัดรวด จบเป็นที่ 1 ในสาย B เข้ารอบชิงตั๋วตัวแทนทีมรอบภาคกับที่ 2 ในสาย A อย่าง รร.วัดสุทธิวราราม

ผลการแข่งขันคู่อื่นๆมีดังนี้
รร.พระมารดานิจจานุเคราะห์ 0-2 รร.สิริรัตนาธร
รร.วัดทองสัมฤทธิ์ 2-2 รร.วัดสุทธิวราราม (วัดสุทธิวราราม ชนะจุดโทษ 5-3)
รร.สาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง 1-2 รร.ทวีธาภิเศกบางกอกใหญ่
รร.วิชูทิศ (กีฬากรุงเทพ) 0-3 รร.กรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย
รร.ทวีธาภิเศกบางขุนเทียน 1-1 รร.สวนกุหลาบวิทยาลัย (สวนกุหลาบวิทยาลัย ชนะจุดโทษ 4-3)

สำหรับโปรแกรมการแข่งขันรอบคัดเลือกโซนกรุงเทพมหานคร รอบที่ 2 (รอบ 8 ทีมสุดท้าย) ประจำวันศุกร์ที่ 28 พฤศจิกายน 2562 ณ สนามซ้อม เอสซีจี เมืองทอง สเตเดี้ยม โดยผู้ชนะในเกมวันนี้จะได้สิทธิ์เป็นตัวแทนโซนกรุงเทพมหานคร ผ่านเข้าสู่รอบชิงแชมป์ประเทศไทยในเดือนมกราคม 2563 ต่อไป

สนามที่ 1
คู่ที่ 1 เวลา 10.00 น. รร.สิริรัตนาธร พบ รร.พรตพิทยพยัต
คู่ที่ 2 เวลา 11.30 น. รร.ปทุมคงคา พบ รร.วัดสุทธิวราราม

สนามที่ 2
คู่ที่ 1 เวลา 10.00 น. รร.สุรศักดิ์มนตรี พบ รร.กรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย
คู่ที่ 2 เวลา 11.30 น. รร.สวนกุหลาบวิทยาลัย พบ รร.เทพศิรินทร์

สำหรับตัวแทนจากรอบภูมิภาคที่ผ่านเข้าสู่รอบชิงแชมป์ประเทศไทย มีดังนี้

โซนภาคใต้
รร.หนองทะเลวิทยา จ.กระบี่
รร.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี

โซนภาคกลางและตะวันตก
รร.กีฬาจังหวัดสุพรรณบุรี จ.สุพรรณบุรี
รร.บรรหารแจ่มใสวิทยา 1 จ.สุพรรณบุรี

โซนภาคตะวันออกและปริมณฑล
รร.สวนป่าเขาชะอางค์ จ.ชลบุรี
รร.ท่าข้ามพิทยาคม จ.ชลบุรี

ทั้งนี้ การแข่งขันศึก คิง เพาเวอร์ คัพ 2019/20 รอบชิงแชมป์ประเทศไทย (รอบ 16 ทีมสุดท้าย) จะทำการแข่งขัน ณ สนามซ้อม เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด จ.นนทบุรี ระหว่างวันที่ 12-17 มกราคม 2563 ส่วนนัดชิงชนะเลิศ จะทำการแข่งขัน ในวันที่ 19 มกราคม 2563 ณ สนามศุภชลาศัย กรุงเทพมหานคร

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook