สไตล์ไหนใครบอกที : "นาซีม ฮาเหม็ด" นักชกสุดแหวกที่ยิ่งชนะ แต่ผู้คนกลับยิ่งบอกว่าเขาอ่อน?
หากไม่มีการโกงกันเรื่องนับคะแนนจากมือมืดที่มองไม่เห็น เราไม่อาจปฎิเสธได้ว่า มวยคือกีฬาที่เถรตรงที่สุด ... คนที่ดีกว่าคือคนที่เป็นผู้ชนะ ไม่ว่าจะด้วยความเร็ว, ความหนัก และความทน ก็ตาม
ยอดมวยบนโลกใบนี้ล้วนแต่มีสไตล์ที่มักจะถูกจดจำ ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ คือจอมเทคนิคชั้นเซียน, แมนนี่ ปาเกียว คือต้นตำรับแห่งความเร็ว พวกเขาใช้สไตล์ในการเอาชนะและได้รับการยกย่องมากมาย นี่คือสิ่งที่ทุกคนรู้
แต่มีนักมวยอยู่คนหนึ่งที่เคยสร้างชื่อระดับแชมป์โลกไว้ในช่วงยุค '90s กวาดมาแล้วแทบทุกสถาบัน แต่เรื่องสไตล์ของเขายังเป็นเครื่องหมายคำถาม และคนยังมาถกกันอยู่จนถึงทุกวันนี้
และที่สำคัญยิ่งเขายิ่งชนะคนกลับยิ่งเกลียดและบอกว่าเขาไม่เก่ง ... เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น? ติดตามเรื่องราวของ นาซีม ฮาเหม็ด นักมวยที่ฉูดฉาดที่สุดในประวัติศาสตร์ได้ที่นี่
นาซีม ฮาเหม็ด...เอ็นเตอร์เทนเนอร์นัมเบอร์วัน
หากคุณไม่เคยรู้จัก นาซีม ฮาเหม็ด มาก่อน เราอยากแนะนำให้ทราบว่า นี่คือนักมวยที่ทำให้ทุกไฟต์ที่เขาขึ้นชกสนุกตื่นเต้นที่สุด ไม่ใช่เพราะหมัดหนักต่อยทีเดียวร่วงแบบ ไมค์ ไทสัน ไม่ใช่มวยอัจฉริยะแบบ มูฮัมหมัด อาลี และไม่ได้มีเทคนิคและความรวดเร็วเหมือนกับ แมนนี่ ปาเกียว แต่เขาคือ "มวยเอ็นเตอร์เทน" ตัวจริงเสียงจริง
Photo : Prince Naseem
นาซีม เป็นชาวอังกฤษเชื้อสายเยเมน โดยปู่และพ่อของเขาอพยพเข้ามาในอังกฤษ ที่เมือง เชฟฟิลด์ ตั้งแต่เขายังไม่เกิด จนกระทั่งเขาเติบโตขึ้นมาพร้อมกับการโดนเหยียดสารพัดจากคนท้องถิ่น อีกทั้งยังมักโดนตำรวจเข้าค้นตัวบ่อยๆ ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่ได้มีความผิดอะไร จึงเป็นความแค้นเล็กๆ ที่เป็นจุดเปลี่ยนให้เขาหันมาชกมวยตั้งแต่อายุ 7 ขวบ ในโรงยิมที่ชื่อว่า Ingle’s Gym และเริ่มเอาจริงเอาจังจนกลายมาเป็นนักมวยสากลอาชีพตอนอายุ 18 ปี
และวันที่ชื่อเสียงของเขาดังไปทั่วประเทศอังฤษคือตอนที่เขาอายุ 20 ปี หลังจากคว้าแชมป์โลกรุ่นเฟเธอร์เวตของ WBO ด้วยการคว่ำสตีฟ โรบินสัน นักชกจาก เวลส์ ในปี 1995 ... ณ เวลานั้นหลายคนเริ่มตามหาว่าหมอนี่เป็นใคร?
หลังจากนั้นการชกแต่ละไฟต์ของ นาซีม ก็กลายเป็นที่จับตามากขึ้น เขาใส่กางลายเสื้อมีพู่พริ้วไหว ก่อนขึ้นเวทีต้องกระโดดตีลังกาผ่านเชือก อีกทั้งลีลาตอนชกยังเป็นมวยที่โดดเด่นเรื่องฟุตเวิร์ก และความไว หลายอย่างประกอบกันนี้ทำให้สไตล์ของ นาซีม นั้นเป็นที่ชื่นชอบของคนดู
เมื่อบวกกับ "ความยียวน" เข้าไปก็ยิ่งขายได้ไปกันใหญ่ นาซีม มักจะมีท่าทางยั่วยุคู่ชกของเขาเสมอ อาทิ เมื่อเข้าจิ้มหมัดโดนหน้าคู่ชก เขาจะทำสีหน้าที่ให้อารมณ์ประมาณว่า "ไม่เท่าไหร่นี่หว่า" และเมื่อคู่ชกหัวร้อนมุทะลุชกสวน เขาจะโยกไหล่หลบและยื่นหน้าไปใกล้ๆ แบบเปิดให้ชกกันเห็นๆ อารมณ์ประมาณว่า "แกนี่ช้าอย่างกับเต่าเลยนะ" ของแบบนี้ทำให้เขาก็กลายเป็นขวัญใจได้ไม่ยาก
Photo : www.boxing247.com
นอกจากเรื่องของความยียวนแล้ว สิ่งหนึ่งที่น่าทึ่งของ นาซีม คือเขามักใช้ความเร็วของหมัดและการสืบเท้า เดินเข้าออกอย่างรู้จังหวะ เขาชกโดยไม่ตั้งการ์ด ซึ่งเป็นสไตล์เดียวกับที่ มูฮัมหมัด อาลี ในช่วงที่พีกที่สุดเคยทำ สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า นาซีม คือนักมวยที่มีความมั่นใจในตัวเองสูงมาก มากจนถึงตั้งฉายาตัวเองว่า "เจ้าชาย" จนชื่อที่เราคุ้นเคยกลายเป็น ปริ๊นซ์ นาซีม ฮาเหม็ด เลยทีเดียว
"คำว่า นาซีม ในภาษาอาหรับแปลว่าสายลมที่อ่อนโยน ผมไม่ชอบ มันติ๋มไป ผมต้องการชื่อที่สวยงามและคนจดจำ เจ้าชายนี่แหละเหมาะที่สุด เพราะในตอนจบนั้นเจ้าชายจะได้เป็นราชาเสมอ"
แฟร้งค์ วอร์เรน โปรโมเตอร์ชื่อดังของอังกฤษยังยอมรับว่า แม้เขาจะทำมวยมานาน แต่ก็ยังไม่เคยเจอนักมวยคนไหนที่มีการต่อยได้ตื่นเต้นเร้าใจเท่ากับ นาซีม ฮาเหม็ด มาก่อนเลยในชีวิต
"บนเวทีหมอนี่คือนักมวยที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุด ผมเคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาในสมัยที่เขาขึ้นมาใหม่ๆ ตอนนั้นผมบอกได้เลยว่าหมอนี่จะเป็นโคตรมวยในอนาคตได้อย่างแน่นอน" วอร์เรน กล่าว
Photo : beesports1.blogspot.com
อย่างไรก็ตามแม้จะมีหลายคนบรรยายถึงความเก่งกาจของเขามากมายขนาดนั้น แถม นาซีม ยังเป็นเจ้าของแชมป์โลกรุ่นเฟเธอร์เวตแทบทุกสถาบัน (IBO, WBC, WBO และ IBF) แต่กลับกลายเป็นว่าเมื่อเวลาผ่านไป หลายคนเริ่มสงสัยในตัวเขาว่า นาซีม ฮาเหม็ด เก่งไม่จริง ... บ้างก็บอกว่าเป็นแค่มวยปาหี่เท่านั้น
เพราะอะไรที่ทำให้นักมวยที่มีเข็มขัดแชมป์การันตี กลับโดนมองข้ามขนาดนั้น?
มวยสร้างในสายตาเซียน
เหตุผลเดียวที่คนไม่ชอบในตัวของ นาซีม ฮาเหม็ด คือเขาเป็นนักมวยที่น่าหมั่นไส้ การยียวน หัวเราะเยาะคู่ชกทุกครั้งที่โดนหมัดของเขาทำหลายคนไม่ชอบใจ จนนำมาซึ่งการวิจารณ์ว่าเขานั้นไม่ใช่นักมวยของจริง เป็นแค่มวยโชว์ ปาหี่ที่พวกโปรโมเตอร์จัดขึ้นเท่านั้น
Photo : www.badlefthook.com
แฟนหมัดมวยบอกว่าเขาได้ชกแต่กับพวก "มวยส้วม" หรือหมูที่จ้างมาให้แพ้เขาเพื่อสร้างมูลค่าทางการตลาดมากกว่า กลุ่มนักวิจารณ์และคนที่แอนตี้ในตัวของ นาซีม ยังบอกอีกว่า สไตล์การชกที่เปิดหน้าไม่ตั้งการ์ดและกวนประสาทคู่ชกของเขานั้น ใช้ได้แค่กับคู่ต่อสู้ที่เป็นมวยส้วมเท่านั้น
ดังนั้นแม้แต่ในวิกิพีเดียยังไม่กล้าฟันธงว่าเขาเป็นโคตรมวย พวกเขาใช้คำว่า "นักชกที่ยังไม่เติบโตเต็มศักยภาพ" ... จริงอยู่ที่ในวิกิพีเดียนั้นสามารถเข้าไปแก้ไขข้อมูลได้เอง แต่ก็น่าแปลกที่ข้อความที่บอกว่า "นักชกที่ยังไม่เติบโตเต็มศักยภาพ" นั้นคงอยู่เป็นเวลาหลายปีกว่าที่จะถูกแก้ไขให้หายไปแล้วในปัจจุบัน
สาเหตุที่ทุกคนมองว่า นาซีม เป็นมวยสร้างและพาลไปถึงการหมั่นไส้และหยามเหยียด เกิดจากการที่เขามักจะสะสมชัยชนะจากนักมวยที่ไร้ชื่อเสียง อาทิ ซาอิด ลาเวล, ดาเนี่ยล อาลิเซีย, โรมิจิโอ โมลิน่า, บิลลี่ ฮาร์ดี้, ฮวน เกราร์โด้ และ โฮเซ่ บาดินโญ่ นี่ส่วนหนึ่งของนักมวยที่หลายของมองว่า "หมู" เอามาให้ นาซีม เชือด
ตัวนาซีม เองก็รู้ดีในเรื่องนี้และต้องการพิสูจน์ตัวเองเช่นกัน ในไฟต์ที่สหรัฐอเมริกาซึ่งเขาต้องชกกับ เควิน เคลลี่ นักชกที่สถิติดีที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอ (ชนะ 47 แพ้ 1 เสมอ 2) ไฟต์นั้น นาซีม ถูก เคลลี่ ชกร่วงจนเสียนับไปถึง 3 ครั้ง (แต่ไม่ถูกจับแพ้ เนื่องจากกฎมวยสากล ในหลายๆ ไฟต์ระบุถึงเรื่องดังกล่าวอย่างชัดเจน) เหตุการณ์นั้นทำให้แฟนๆ ฮือฮากันขนาดหนัก แต่ท้ายที่สุดเขาก็ดับเสียงโห่สนิทด้วยการพลิกกลับมาเป็นฝ่ายส่งคู่แข่งลงไปนับ 3 ครั้ง ซึ่งครั้งสุดท้ายคือการนับสิบ ชนะน็อคในยก 4 จนได้
Photo : www.thefightcity.com
การชนะ เคลลี่ ทำให้ นาซีม โดนหมั่นไส้ขึ้นไปอีก ... ทั้งๆ ที่เขาชนะ ทุกคนก็ยังไม่ยอมรับและบอกว่าถ้าเจอคนที่เก่งกว่านี้อีก นาซีม คงไม่รอดแน่ ซึ่งจากจุดนี้มันก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเขาเป็นนักมวยที่ถูกเกลียดมากที่สุดแห่งยุค และมีคนรอจองกฐินมากมายหากเข้าเกิดพลาดท่าขึ้นมาจริงๆ
แต่ที่สำคัญคือเขาไม่หยุดนอกจากบนเวทีจะยียวนแล้ว ฝีปากของเขาก็ไม่ธรรมดา เขาชนะ เคลลี่ และบอกทุกว่า "โอเคหรือยัง? จะยอมรับหรือได้หรือยังว่าผมเป็นนักชกทื่เก่ง" ซึ่งจริงๆ แล้วเขาก็ถามไปอย่างนั้นแหละ เพราะเขาไม่สนอยู่แล้วว่าใครจะคิดยังไง เพราะเขาคิดว่าเขาเก่งมากและทะเยอทะยานมากไม่แพ้กัน
"ผมเป็นนักสู้ที่เก่งนะ แต่ผมไม่หยุดแค่นี้แน่ ผมอยากพิสูจน์ตัวเองมากขึ้นกว่านี้ แล้วเดี๋ยวผมจะแสดงให้ดูว่าผมไม่ได้พูดเล่น" นาซีม ว่าไปก็ยิ้มไป
วันที่โลกสะใจ
35 ไฟต์ที่ นาซีม ฮาเหม็ด เดินหน้ากวาดชัยชนะรวด ไม่มีแพ้ ไม่มีเสมอ และเป็นการน็อคถึง 31 คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ก็จะอยู่ที่ราวๆ 84% เลยทีเดียว แต่ที่สุดแล้วคำว่าล้างแค้นรอกี่ปีก็ไม่มีวันสายคือสิ่งที่เป็นจริงเสมอ
Photo : bleacherreport.com
และในที่สุดหลังจากไร้พ่ายมา 9 ปี สุดท้าย นาซีม ฮาเหม็ด ก็ได้เจอนักมวยที่ทุกคนพร้อมยอมรับว่าเป็นยอดมวยระดับโลกของจริง คนๆ นั้นคือ มาร์โก อันโตนิโอ บาร์เรร่า นักชกเม็กซิกันเจ้าของฉายา "ฮูลิโอ เซซาร์ ซานเชซ" คนต่อไป
"ผมจะบันทึกชื่อตัวเองในหน้าประวัติศาสตร์ สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้ขึ้นอยู่กับพระประสงค์ของพระเจ้า แต่ผมกำลังมองหา บาร์เรร่า และ เอริค โมราเลส อยู่" นาซีม กล่าว ก่อนที่ผู้สัมภาษณ์ของ Boxrec จะถามต่อว่าแล้วอยากเจอใครมากกว่ากันระหว่าง 2 คนที่กล่าวไป
"บอกตรงๆ เลยนะ หลังจากได้เห็นทั้ง 2 คนชกกัน (เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2000) แม้ โมราเลส จะได้รับการชูมือ แต่ทั้งโลกเห็นตรงกันว่า บาร์เรร่า เป็นผู้ชนะ (ไฟต์ดังกล่าวตัดสินด้วยคะแนนอย่างไม่เป็นเอกฉันท์) และผมอยากเจอกับเขา โลกรู้ว่าเขาแจ๋วและสมควรได้รับเครดิต ซึ่งผมเองก็อยากจะชนะคนที่ดีที่สุด และหลังจากนั้นผมจะพิสูจน์ให้ดูว่าผมคือมวยรุ่นเฟเธอร์เวตที่ดีที่สุดในยุคของผม"
Photo : chalt.exblog.jp
ไฟต์ดังกล่าวในเดือนเมษายน 2001 ถูกจัดขึ้นที่ MGM Grand ในลาสเวกัส บาร์เรร่า เป็นเหมือนตัวแทนของฝั่งแอนตี้นาซีม จึงทำให้เขามุ่งมั่นจะเป็นนักชกคนแรกที่คว่ำแชมป์โลกจากอังกฤษคนนี้ให้ได้
คำกล่าวตามสไตล์ของ นาซีม ส่งผลถึงคู่ชกของเขา ก่อนชก 8 สัปดาห์ บาร์เรร่า ทำน้ำหนักขึ้นจากรุ่นซูเปอร์แบนตั้มเวตมาเพื่อชกไฟต์นี้โดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังฝึกหนักมาก สกาย สปอร์ตส์ สื่อจากอังกฤษถึงกับลงทุนไปเก็บภาพการซ้อมของ บาร์เรร่า และเขียนสกู๊ปขึ้นมาว่า ก่อนชกกับ นาซีม ไฟต์นี้ บาร์เรร่า อยู่ในสภาพที่เนื้อตัวดีที่สุดในชีวิตนักมวย
ก่อนขึ้นชกบ่อนในเวกัสเปิดให้ นาซีม เป็นต่อด้วยราคาแทง 3 จ่าย 1 แต่เอาเข้าจริงเมื่อขึ้นเวทีไปกลับกลายเป็นความความเป็นต่อเทไปฝั่ง บาร์เรร่า หมดหน้าตัก เพราะ นาซีม ต่อยไม่โดนเป็นส่วนใหญ่ แถมยังกินหมัดของ บาร์เรร่า ไปหลายที กว่า นาซีม จะปรับเข้าจังหวะของตัวเองได้ก็หน้าส่ายจนแฟนๆ เฮไปหลายหน สุดท้าย นาซีม ก็แพ้คะแนนไป และทำให้เหล่าเฮตเตอร์ของเขาได้เฮกันเต็มเสียงเสียที
Photo : www.thestar.co.uk
และแปลกแต่จริงที่หลังจากแพ้ บาร์เรร่า ครั้งนั้น ความห้าวที่เคยบอกว่าจะพิชิตมวยรุ่นเฟเธอร์เวตของ นาซีม ก็หายไป เขาชกอีก 1 ไฟต์กับนักชกสเปนอย่าง มานูเอล คัลโว แม้ได้รับชัยชนะ แต่จากนั้นเขาก็ประกาศแขวนนวมไปดื้อๆ ทั้งอย่างนั้นเลย
มีการวิเคราะห์วิจารณ์ไปต่างๆ นานาว่าเขาหมดมุกแล้ว ไม่มีทางที่จะไปได้ไกลกว่านี้ หากเขาชกต่อไปและเจอมวยระดับหัวแถว เขาจะต้องเละยิ่งกว่าที่ บาร์เรร่า เจอแน่นอน และเมื่อเขาเลิกชกไปดื้อๆ แบบนี้ยิ่งทำให้เขาถูกมองว่าขี้กลัวและอยากเก็บรักษาสถิติชนะ 36 แพ้ 1 เอาไว้ ซึ่งเป็นเกียรติยศเดียวที่เขาเหลืออยู่
ความจริงจากใจ...มวยสร้าง
ในขณะที่หลายคนสะใจที่เห็นเขาแพ้ และต่างพากันพูดว่า "เห็นไหม ไอ้นี่มันของปลอม" กลับมีสิ่งหนึ่งที่ทุกคนหลงลืมไปว่าแท้จริงแล้ว นาซีม อ่อนขนาดที่พวกเขาว่าเชียวหรือ?
Photo : www.mirror.co.uk
นาซีม อาจจะเป็นมวยที่แปลกประหลาด อธิบายยาก แต่การปล่อยหมัดแต่ละครั้งของเขาก็เข้าเป้าเสมอ ยิ่งเมื่อบวกกับการหลบที่เก่งกาจแล้วใครที่ชกกับเขาแบบไม่ระวังมักจะโดนหลบและพลิกกลับด้วยการจิ้มเข้าหน้าเป็นของแถมเสมอ จริงอยู่ที่เขาอาจจะหมัดไม่หนักเท่ายอดมวยคนอื่นๆ แต่อย่างน้อยการน็อคเอาต์ 31 ครั้งก็น่าจะบอกอะไรได้บ้าง
ที่สำคัญอีกข้อคือนักพนันทุกคนรู้ดี ความจริงข้อหนึ่งที่ว่า "บ่อนพนันไม่ได้โง่" ดังนั้นการเปิดราคา แทง 3 จ่าย 1 คือสิ่งที่ยืนยันว่าพวกเขาประเมินนาซีมไว้สูงไม่น้อย และการแพ้แบบพลิกราคาแบบนี้สิ่งที่เราจะลืมไม่ได้เลยคือการต้องชื่นชมผู้ชนะ มากกว่าการทับถมผู้แพ้
เว็บไซต์รีวิวไฟต์ดังกล่าวอธิบายว่า ที่ บาร์เรร่า ชนะนาซีมได้เป็นเพราะว่านักชกเม็กซิกันวางแผนมาดี เขาแก้ทางความเร็วของหมัดนาซีม ด้วยการยืนห่าง และไม่ออกหมัดที่คิดว่าไม่ชัวร์ และเมื่อ บาร์เรร่า เลือกชกในสไตล์ตั้งรับ นาซีม ก็เสียทรงด้วยการเดินเข้าหาเอง และสุดท้ายก็เป็นแบบหมองูตายเพราะงู บาร์เรร่า เน้นไปที่การชกลำตัวซึ่งเป็นเป้าใหญ่และได้คะแนนง่ายกว่าการชกหน้า ซึ่งต้องเจอกับการโยกหัวหลบที่เป็นจุดแข็งของนาซีมอีกด้วย
เรื่องนี้แม้แต่ตัวของ บาร์เรร่า เองก็ยืนยันว่า นาซีม ไม่ได้ง่ายอย่างที่ใครคิด และยกให้ไฟต์นี้คือชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาในฐานะนักมวยเลยทีเดียว
สาเหตุสำคัญอีกประการที่ไม่มีใครรู้แม้แต่ตัวของเขาเองก็คือ ณ ปี 2001 ที่แพ้ให้กับ บาร์เรร่า นั้น ตัวของเขาผ่านจุดพีกที่สุดในชีวิตไปแล้ว ... คนรู้เรื่องนี้ดีที่สุดและรู้ก่อนใครคือ เบรนแดน อิงเกล ครูฝึกคนแรกของเขานั่นเอง
Photo : www.skysports.com
ในช่วงปลายยุค '90s ประมาณปี 1996 ที่ นาซีม กำลังดังสุดๆ นาซีม เคยท้าชกชิงแชมป์กับ บาร์เรร่า แล้ว แต่ บาร์เรร่า เองก็ปฎิเสธไฟต์นี้ด้วยซ้ำ จนกระทั่งปี 1997 เขาประกาศไล่ เบรนแดน อิงเกล ออกจากตำแหน่งโค้ช และยังด่าว่า อิงเกล เป็นพวกไร้น้ำยาควรจะลดเงินเดือนลงบ้างจากงานที่ดูจะสบายเหลือเกิน เพราะแค่ปล่อยให้เขาขึ้นไปชกให้ชนะคู่แข่งแค่นั้น
และถ้าคุณอยากรู้ว่า เบรนแดน อิงเกล ไปทำอะไรให้ นาซีม ต้องหยามเหยียดเขา ... มันเป็นคำตอบที่ค่อนข้างน่าตกใจ เรื่องทั้งหมดเริ่มจาก อิงเกล อยากจะให้ นาซีม ฝึกเกมรับมากขึ้นเพื่อให้เท่าทันมวยสมัยใหม่ ทว่า นาซีม ที่ร่ำรวยและมีชื่อเสียงไม่ยอมฟังและไม่ชอบใจที่ได้ยินอย่างนั้น
ซึ่งสุดท้ายแล้วเมื่อเวลาผ่านไปเขาก็ดวงตาเห็นธรรมจนได้ คำกล่าวของ เบรนแดน อิงเกล เป็นจริงทั้งหมด นักมวยที่ประสบความสำเร็จในยุคมิลเลนเนียม ต่างก็เป็นนักมวยที่ใช้ทั้งฝีมือ, สมอง และแท็คติกทั้งนั้น อาทิเช่น "ฟลอยด์" อีกหนึ่งนักชกที่คนเกลียดมากมาย แต่ไม่มีใครปฏิเสธความเหนือชั้นและสถิติไร้พ่ายของเขาได้
"มันเป็นยุคที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง ทิศทางของมวยเปลี่ยนไปแล้ว ไม่ว่าใครจะพูดยังไง ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ คือนักชกที่สมควรได้รับการยกย่อง ทุกบาททุกสตางค์สมควรเป็นของเขา" นาซีม กล่าวเริ่มก่อนจะพูดถึง เบรนแดน อิงเกล ว่า
"สิ่งที่ผมเรียนรู้จากโรงยิมของเบรนแดน เป็นอะไรที่ประเมินค่าไม่ได้ สิ่งเดียวที่ผมอยากจะทำคือการนั่งข้างและขอโทษเขากับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ตอนนั้นเราสนิทกันจนพูดอะไรโดยไม่กลั่นกรองก่อนเลย" นาซีม เล่าถึงจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตของเขาในปี 2015 ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าทั้งคู่ได้เคลียร์ใจกันหรือยัง เพราะอิงเกลเสียชีวิตไปเมื่อปี 2018 จากภาวะเลือดออกในสมอง
พัฒนาการของ นาซีม หยุดลงตั้งแต่วันที่เขาปลด เบรนแดน อิงเกล ออกไปตอนปี 1997 แล้ว ... และกว่าจะถึงปี 2001 ทั้งสองคนก็เดินสวนกันพอดี นาซีม ขาลง ส่วน บาร์เรร่า นั้นกำลังไต่ขึ้นที่สูง ดังนั้นการจะแพ้ให้กับมวยที่กำลังพีกและดีกว่าอย่าง บาร์เรร่า ก็เป็นเรื่องที่ไม่ผิดคาด แต่ที่สำคัญกว่าคือการพ่ายแพ้ไฟต์เดียวคงจะไม่เหมาะนักที่จะกล่าวหา นาซีม ฮาเหม็ด ว่าเป็นมวยสร้างชนะมวยส้วมอย่างที่ใครบอกกัน
แต่สุดท้ายจะอย่างไรก็ช่าง ... ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าในยุคของเขา นาซีม คือหนึ่งในนักมวยที่ฉูดฉาดและเป็นเอ็นเตอร์เทนเนอร์ที่ดีที่สุด และมันอาจจะมากเกินไปจนทำให้เรามองข้ามความสามารถของเขาหรือประเมินเขาต่ำกว่าที่ควรจะเป็น
เพราะกีฬาที่มีความหมายมากกว่าเหรียญรางวัลหรือเข็มขัดแชมป์ อย่างน้อยๆ การสร้างชื่อของ นาซีม ฮาเหม็ด ก็สะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมที่กว้างมากขึ้นกว่าที่โลกเคยได้เห็นจากนักกีฬาชาวอังกฤษ ที่ส่วนใหญ่นั้นมักจะไม่มีคาแร็คเตอร์แบบเดียวกันกับเขาเลย และนั่นแหละที่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมโลกจึงจดจำเขาได้ และต่อให้ใครจะเกลียดและแช่งชักหักกระดูกเขา เขากลับชอบและคิดในใจเสมอว่า "งานของเขาได้สำเร็จแล้ว"
Photo : www.liveabout.com
"มีผู้คนมากมายที่อยากเห็นผมแพ้ แต่ผมไม่มีปัญหากับเรื่องนี้เลยสักนิด ใครอยากจะคิดแบบนั้นก็เชิญเลยผมยินดีมาก ตราบใดที่คุณยังอยากเห็นผมขึ้นเวที ไม่ว่าจะจบลงด้วยการแพ้หรือชนะ ผมไม่แคร์อยู่แล้ว ก็พวกคุณเป็นคนจ่ายเงินให้ผม (ผ่านค่าตั๋วและ Pay Per View) นี่นะ" นาซีม ฮาเหม็ด ตอบคำถามสุดท้ายได้อย่างสุดเฉียบ
หากคุณยังสงสัยว่าเขาเป็นนักชกสไตล์ไหน เก่งจริงหรือไม่ เราแนะนำว่าเลิกคิดให้ปวดหัวและปล่อยไปตามความรู้สึกของตัวเองจะดีกว่า ... เพราะแม้แต่เจ้าตัวเองก็ยังหัวเราะให้กับคำถามนี้อย่างอารมณ์ดีด้วยรอยยิ้มเลย
"ก็ธรรมดาหนิ ... เมื่อคุณประสบความสำเร็จมากๆ เข้า พวกผู้คนก็จะพากันอิจฉาคุณ อย่างผมเนี่ยได้สนิทชิดเชื้อกับ มูฮัมหมัด อาลี ได้ตีกอล์ฟกับ ไทเกอร์ วูดส์ มันยิ่งเลี่ยงไม่ได้ใหญ่เลย ... แต่ผมจะทำไงได้ล่ะ ความอิจฉาริษยาไม่ถือว่าเป็นอาชญากรรมนี่นะ หากใครพอใจจะทำอย่างนั้นก็เต็มที่เลย คุณไม่ถูกลงโทษอยู่แล้วนี่" เขากล่าวทิ้งท้าย