เด็กเก็บบอล : ตำแหน่งที่หลายคนมองข้าม แต่ขาดไม่ได้ในโลกฟุตบอล

เด็กเก็บบอล : ตำแหน่งที่หลายคนมองข้าม แต่ขาดไม่ได้ในโลกฟุตบอล

เด็กเก็บบอล : ตำแหน่งที่หลายคนมองข้าม แต่ขาดไม่ได้ในโลกฟุตบอล
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หนึ่งในข่าวใหญ่รอบสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ทั่วโลกให้ความสนใจคือเรื่องราวของ “คัลลั่ม ไฮน์ส” เด็กเก็บบอลของทีม ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เมื่อเด็กหนุ่มวัยเพียง 15 ปี มีส่วนสำคัญในการช่วยส่งบอลให้ผู้เล่นฝ่ายเจ้าบ้านนำไปทุ่มอย่างรวดเร็ว และจากจังหวะนั้น แฮรี่ เคน ก็ยิงเข้าไปเป็นประตู ช่วยให้ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ตีเสมอ โอลิมเปียกอส ยอดทีมจากกรีซได้สำเร็จ ก่อนที่การแข่งขันนัดนั้นจะจบลงด้วยสกอร์ 4 ประตูต่อ 2 ชัยชนะตกเป็นของทีมไก่เดือยทอง ในศึกยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม

เหตุการณ์ดังกล่าวเปลี่ยนแปลงชีวิตของเด็กหนุ่มไฮน์สไปในชั่วข้ามคืน แฟนบอลทั่วโลกรู้จักชื่อของเขา ได้รับคำชมจาก “โชเซ่ มูรินโญ่” กุนซือทีม ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังได้รับรางวัลเป็นการร่วมรับประทานอาหารกับผู้เล่นชุดใหญ่ของทีมอีกด้วย 

เรื่องราวของ คัลลั่ม ไฮน์ส ทำให้โลกหันกลับมาสนใจตำแหน่งข้างสนามตำแหน่งนี้อีกครั้ง เพราะต้องยอมรับว่าที่ผ่านมา “เด็กเก็บบอล” มักถูกมองข้าม และไม่ได้รับการให้ความสนใจเท่าไรนัก นี่จึงเป็นการณ์ดีที่จะพูดถึงเรื่องราวของตำแหน่งนี้

เด็กเก็บบอลมีประวัติความเป็นมาอย่างไร? ตำแหน่งนี้ควรจะมีคุณสมบัติอย่างไร? ที่ผ่านมามีเหตุการณ์ไหนบ้างที่พิสูจน์ให้เห็นความสำคัญของตำแหน่งนี้? ติดตามได้ในบทความนี้ของ Main Stand

ภาพลวงตาข่มขวัญ

การจะตอบคำถามว่าตำแหน่งเด็กเก็บบอลนั้นมีจุดเริ่มต้น ที่มาที่ไปเป็นอย่างไร อาจจะต้องย้อนเวลากลับไปไกลเสียหน่อย ในยุค 1900s หรือกว่าหนึ่งร้อยปีที่แล้ว ณ สโมสรฟุตบอลที่ทุกคนรู้จักเป็นอย่างดี

“สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี


Photo : odioeternoalfutbolmoderno.es

ในช่วงเวลานั้น เชลซี มีผู้เล่นตำแหน่งผู้รักษาประตูคนหนึ่งชื่อว่า “วิลเลียม โฟลค์เก้” (William Foulke) ซึ่งถือได้ว่าเป็นผู้รักษาประตูที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง ด้วยขนาดรูปร่างที่ใหญ่โต โฟลค์เก้ สูง 6 ฟุต 4 นิ้ว หรือประมาณ 194 เซนติเมตร และหนักถึง 336 ปอนด์ หรือกว่า 152 กิโลกรัม จนได้รับฉายาว่า “Fatty” ด้วยขนาดรูปร่างแบบนี้ เมื่อเขายืนประจำการอยู่หน้าปากประตูจึงไม่ต่างจากยักษ์เฝ้าทวารนรก เป็นภาพที่สร้างความเกรงขามให้ผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามได้เป็นอย่างดี

สโมสรเชลซีรู้ถึงข้อดีของ วิลเลียม โฟลค์เก้ ที่แม้จะยืนอยู่เฉยๆ ก็ทำให้คู่แข่งรู้สึกหวาดกลัวได้ ก่อนที่คณะผู้บริหารทีมในขณะนั้นจะผุดไอเดียสุดบรรเจิดขึ้นมาเพื่อทำให้ข้อได้เปรียบที่พวกเขามีอยู่แล้วทวีคูณยิ่งขึ้นไปอีก

ไอเดียดังกล่าวคือการจ้างเด็กหนุ่มร่างเล็กมายืนประจำอยู่ข้าง ๆ เสาประตูทั้งสองฝั่งเพื่อเก็บบอลที่หลุดออกหลังไป แต่จุดประสงค์จริงๆ ของพวกเขาคือ “การสร้างภาพลวงตา” เพราะเมื่อ โฟลค์เก้ ที่มีรูปร่างใหญ่โตอยู่แล้ว ถูกขนาบข้างด้วยเด็กหนุ่มที่สูงไม่ถึงไหล่ของเขา ยิ่งทำให้ โฟลค์เก้ ดูร่างใหญ่ยักษ์ขึ้นไปอีก เป็นกลยุทธ์ข่มขวัญคู่ต่อสู้ สร้างความได้เปรียบในการเล่นเป็นทีมเจ้าบ้านอย่างที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน

เหตุการณ์นี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นบทบาทในสนามของเด็กเก็บบอล ก่อนที่สโมสรอื่นๆ จะเริ่มเล็งเห็นความสำคัญของหน้าที่นี้ด้วยเช่นกัน เพราะต่อให้ในทีมจะไม่มีผู้รักษาประตูร่างยักษ์เหมือน วิลเลียม โฟลค์เก้ แต่การมีเด็กเก็บบอลคอยประจำอยู่ตามจุดต่าง ๆ นั้นทำให้ทีมสามารถนำลูกฟุตบอลกลับมาเล่นต่อได้เร็วขึ้นในขณะที่ทีมตามหลังอยู่ หรือใช้เพื่อถ่วงเวลาเล็กน้อยในกรณีที่ทีมมีประตูนำ นับจากนั้นเป็นต้นมา เด็กเก็บบอลจึงเป็นตำแหน่งที่ขาดไม่ได้เมื่อมีการแข่งขัน

อย่างไรก็ตามถึงแม้เด็กเก็บบอลจะดูเป็นอาชีพในฝันของใครหลายคน เพราะพวกเขาสามารถรับชมเกมในสนามจากตำแหน่งที่ดีที่สุด มีโอกาสได้ใกล้ชิดกับนักฟุตบอลในดวงใจ อีกทั้งยังได้รับค่าจ้าง แต่ก็ใช่ว่าหน้าที่นี้ใครจะมาทำก็ได้ ...

เด็กเก็บบอลที่ดี

ในปัจจุบันการจะเข้ามาทำหน้าที่เด็กเก็บบอลนั้น แต่ละสโมสรก็มีหลักเกณฑ์แตกต่างกันออกไป ซึ่งส่วนใหญ่จะคัดเลือกมาจากผู้เล่นเยาวชนของทีม หรือนักเตะเยาวชนในลีกท้องถิ่นของเมือง เช่นสโมสร อาร์เซน่อล ที่จะคัดเลือกผู้เล่นในรุ่นอายุระหว่าง 12-16 ปีของทีมเข้ามาทำหน้าที่ในส่วนนี้ หรือสโมสร ซันเดอร์แลนด์ ที่จะคัดเลือกจาก Russell Foster Youth League ซึ่งเป็นลีกท้องถิ่นของเมือง อย่างไรก็ตามในบางสโมสรก็มีการคัดเลือกที่แตกต่างออกไป เช่นสโมสร แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พวกเขาประกาศรับสมัครเด็กเก็บบอลผ่านทางเว็บไซต์ โดยระบุคุณสมบัติว่า


Photo : www.mirror.co.uk

“ต้องเป็นเด็กผู้ชายหรือหญิง อายุระหว่าง 11-12 ปี สามารถเข้าร่วมทำหน้าที่ในทุกนัดที่ทีมเล่นเป็นเจ้าบ้านได้ เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงาน สามารถรับและขว้างบอลได้อย่างรวดเร็ว อดทดนั่งอยู่นิ่งๆ ในสภาพอากาศเลวร้ายได้เป็นเวลานาน และที่สำคัญต้องได้รับอนุญาตจากผู้ปกครอง”

เมื่อได้รับการคัดเลือกเข้ามาแล้ว เด็กเก็บบอลก็จะได้รับการอบรมฝึกสอนแตกต่างกันออกไปตามธรรมเนียมของแต่ละสโมสร แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่แตกต่างกันมากนัก

“ในฐานะที่ผมเป็นผู้จัดการทีม ผมมักจะบอกกับเด็กเก็บบอลเสมอว่า ถ้าทีมอยู่ในสถานการณ์ได้เปรียบ อย่าคืนบอลกลับมาเร็วนัก ไม่ว่าจะเป็นการคืนให้ฝั่งไหนก็ตาม” เกล็น ฮอดเดิ้ล อดีตตำนานนักเตะทีมชาติอังกฤษ และอดีตผู้จัดการสโมสรเชลซีในช่วงยุค 90s กล่าว

“ที่สำคัญคืออย่าสร้างความได้เปรียบให้กับทีมตรงข้ามอย่างเด็ดขาด และห้ามเข้าไปมีส่วนกับการเล่นในจังหวะที่บอลยังไม่ตาย” ความเห็นของ วิลล์ ดีน นักข่าวกีฬาจากสื่อ The Independent

“เขาไม่ได้นั่งเฉยๆ เหม่อมองไปยังอัฒจันทร์หรือแสงไฟ แต่เขารู้จักการอ่านเกมในสนาม และใช้มันให้เป็นประโยชน์” โชเซ่ มูรินโญ่ พูดถึงคุณสมบัติการเป็นเด็กเก็บบอลที่ดีของ คัลลั่ม ไฮน์ส


Photo : www.90min.com

อย่างไรก็ตามในบางสโมสร หน้าที่ของเด็กเก็บบอลก็อาจจะมากและยากกว่านั้น ตัวอย่างเช่นเด็กเก็บบอลของสโมสร สโต๊ค ซิตี้ ในยุคที่ยังใช้การทุ่มเป็นอาวุธหลักในการโจมตี เด็กเก็บบอลของพวกเขาจะต้องเช็ดลูกบอลให้แห้งหรือส่งผ้าเช็ดบอลให้นักฟุตบอลที่รับหน้าที่ทุ่ม 

ดังนั้นถึงแม้เด็กเก็บบอลจะเป็นอาชีพในฝันของใครหลายคน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะเข้ามาทำหน้าที่นี้ได้ และทำมันได้ดี ยิ่งไปกว่านั้นในบางครั้งเด็กเก็บบอลก็มีความสำคัญอย่างที่ไม่มีใครคาดคิด ยืนยันได้จากหลายเหตุการณ์ที่จารึกอยู่ในประวัติศาสตร์ลูกหนัง

ประวัติศาสตร์จารึก

เรื่องราวของ คัลลั่ม ไฮน์ส คือหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญที่เด็กเก็บบอลเข้ามามีส่วนร่วมจนส่งผลทำให้ทีมเจ้าบ้านได้รับชัยชนะ แต่ในประวัติศาสตร์ลูกหนังที่ผ่านมายังมีอีกหลายเหตุการณ์ที่ทำให้รับรู้ว่าเด็กเก็บบอลไม่ใช่แค่ตำแหน่งที่โดนมองข้าม แต่พวกเขานี่แหละคือผู้ปิดทองหลังพระตัวจริง


Photo : www.tottenhamblog.com


Photo : www.thesun.co.uk

หนึ่งในเหตุการณ์ที่ทุกคนน่าจะจำได้ดีคือในเกม ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ ฤดูกาล 2018-19 เกมระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ บาร์เซโลน่า ซึ่งเกมนี้เป็นเกมนัดที่สอง โดยในเกมแรกเป็นฝ่ายหงส์แดงที่ปราชัยมาก่อนด้วยสกอร์ 3-0 อย่างไรก็ตามเมื่อสัญญาณเริ่มการแข่งขันที่ แอนฟิลด์ ดังขึ้น กลายเป็นลิเวอร์พูลที่พับสนามบุก จนทำสกอร์รวมกลับมาเสมอ 3-3 ได้สำเร็จ และถ้ายิงประตูต่อไปได้ พวกเขาจะกลายเป็นฝ่ายเข้ารอบทันที

เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 79 ลิเวอร์พูลได้ลูกเตะมุม ในจังหวะนั้น เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ซึ่งรับหน้าที่เปิดลูกเตะมุมเป็นประจำทำท่าเดินออกมาจากมุม เหมือนกับว่าจะมีการเปลี่ยนคนเตะลูก แต่ในชั่วพริบตานั้นเอง เทรนต์ ก็วิ่งกลับมาที่มุมธง ก่อนจะเปิดลูกเข้ากลางไปท่ามกลางความมึนงงของผู้เล่นทีมเยือน แต่ ดีว็อก โอรีกี ศูนย์หน้าทีมหงส์แดงไม่งงตามไปด้วย เขาจัดการเปลี่ยนลูกเปิดนั้นให้กลายเป็นประตูได้สำเร็จ ซึ่งนี่คือประตูชัยส่งให้ลิเวอร์พูลทะลุเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ และได้แชมป์ในเวลาต่อมา อย่างไรก็ตามจังหวะนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าเด็กเก็บบอลในตำแหน่งดังกล่าวไม่ส่งบอลกลับมาให้ เทรนต์ อย่างรวดเร็ว


Photo : www.thesun.co.uk

หรืออีกเหตุการณ์ที่ผู้คนทั่วโลกน่าจะจดจำได้ดี เกิดขึ้นในเกมระหว่าง สวอนซี ซิตี้ กับ เชลซี ในรายการ ลีก คัพ ฤดูกาล 2012-13 รอบรองชนะเลิศ โดยเกมนี้เป็นการแข่งขันนัดที่ 2 หลังนัดแรกเป็นฝ่าย “หงส์ขาว” ที่บุกไปกำชัยชนะมาก่อนด้วยสกอร์ 2-0 

เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 78 สกอร์ยังเสมอกันที่ 0-0 ซึ่งถ้าเกมนี้จบลงด้วยสกอร์ดังกล่าว สวอนซีจะเข้ารอบทันทีด้วยผลสกอร์รวม ทำให้บรรยากาศการแข่งขันเป็นไปอย่างตึงเครียด ฝ่ายเชลซีต้องการรีบเล่นที่สุดเพื่อเอาประตูคืน ตรงข้ามกับเจ้าบ้านที่ต้องการเผาเวลาให้มากที่สุด ก่อนที่เหตุการณ์โลกจารึกจะเกิดขึ้น ในจังหวะที่เชลซีทำบอลหลุดออกหลัง เป็นลูกตั้งเตะจากประตูของสวอนซี ด้วยความที่เชลซีต้องการให้รีบเล่นที่สุด เอแดน อาซาร์ จึงวิ่งไปเอาบอลลูกดังกล่าวเพื่อนำมาให้กับผู้รักษาประตูฝ่ายตรงข้าม แต่ก่อนที่ อาซาร์ จะไปถึงบอล เด็กเก็บบอลของฝ่ายเจ้าบ้านก็มาคว้าลูกไปได้ก่อน และนอนกอดมันไว้ เห็นแบบนั้น ด้วยความโมโห อาซาร์จึงจัดการเตะไปที่เด็กเก็บบอลคนดังกล่าวเพื่อให้เขาคืนบอลกลับมา


Photo : www.thesun.co.uk

เหตุการณ์นี้กลายเป็นเรื่องฉาวระดับโลก เอแดน อาซาร์ โดนแบน 3 นัดจากพฤติกรรมดังกล่าว ในขณะที่ “ชาลี มอร์แกน” เด็กเก็บบอลต้นเรื่อง (แถมยังเป็นลูกชายของ มาร์ติน มอร์แกน บอร์ดบริหารของสโมสร) กลายเป็นคนดังและฮีโร่ของทีมสวอนซีไปในทันที เพราะเกมดังกล่าวจบลงด้วยผลเสมอ 0-0 ทีมหงส์ขาวเป็นฝ่ายเข้ารอบ แถมยังคว้าแชมป์ได้ในเวลาต่อมาอีกเช่นกัน

เหตุการณ์เหล่านี้คือข้อพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่า เด็กเก็บบอลนั้นไม่ใช่แค่หน้าที่ธรรมดาที่ใครจะมาเป็นก็ได้ แต่พวกเขาเปรียบเสมือนผู้เล่นอีกหนึ่งคนของฝั่งเจ้าบ้าน ดังนั้นเด็กเก็บบอลจึงมีความสำคัญไม่แพ้ตำแหน่งอื่นๆ ในสนาม ที่ไม่ควรถูกมองข้ามหรือละเลยโดยเด็ดขาด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook