ลิเวอร์พูล 2-0 เชฟฯ ยูไนเต็ด: เก็บตกประเด็นร้อนหลังเกม พรีเมียร์ลีก หงส์ อัด ดาบคู่ 2-0
เกมรับ หงส์แดง ไร้ที่ติ
วันนี้เป็นอีกเกมที่แนวรับของ ลิเวอร์พูล ช่วยกันทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม จนเกมสวนกลับของ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ที่พวกเขาเคยโดนเล่นงานมาแล้วในนัดแรกไม่สามารถใช้การได้เลยในเกมวันนี้
ทั้งฟูลแบ็คสองข้างที่ขึ้นสุดลงสุดและแทบไม่มีจังหวะหลุดตำแหน่งให้เห็น โจ โกเมซ ที่ดูจะมั่นใจมากขึ้นหลังจากได้ลงเล่นอย่างต่อเนื่อง ฟาน ไคจ์ค เองก็ยังรักษามาตรฐานสูงลิ่วเอาไว้ได้ หรือแม้แต่กองกลางอย่าง มิลเนอร์ และ เฮนเดอร์สัน ที่คอยลงมาประคองแนวรับ เพื่อช่วยตัดเกมตั้งแต่แดนกลางอีกชั้นหนึ่ง จนจบด้วยชัยชนะแบบคลีนชีทสวย ๆ อีกหนึ่งเกม ประเดิมปี 2020 ไปได้อย่างงดงาม
เกมรับแน่นหนา แต่แนวรุกยังคงขาดๆ เกินๆ
แม้วันนี้พวกเขาจะเจาะตาข่ายผู้มาเยือนได้ถึง 2 ประตู แต่ต้องบอกเลยว่าแนวรุกของ หงส์แดง ควรจะต้องทำได้ดีกว่านี้ ทั้งโอกาสจบสกอร์ที่มีค่อนข้างเยอะ แถมจังหวะจ่ายบอลหน้ากรอบเขตโทษคู่แข่ง ที่ยังจ่ายเสียแทบจะตลอดทั้งเกมจนทำให้จังหวะสวนกลับที่ควรจะได้ลุ้นก็หมดโอกาสไป
ที่สำคัญ 2 ประตูที่ทำได้ในเกมนี้ ยังมีโชคช่วยเล็ก ๆ ทั้งจังหวะลื่นของ บัลด็อค ที่ลื่นหน้าตาเฉย จนทำให้ โรเบิร์ตสัน มีเวลาในการบรรจงจ่ายเข้ากลางไปให้กับ ซาลาห์ ยิงประตูเข้าไป รวมถึงประตูที่สองที่เหมือนกับว่า ดีน เฮนเดอร์สัน จะเซฟได้แล้ว แต่บอลกลับกระดอนไม่หนีตัว มาเน เท่าใดนัก เจ้าตัวจึงซ้ำเข้าไปได้แบบสบาย ๆ
เชฟฯ ยูไนเต็ด ไม่ได้พกดวงมาด้วย
2 ประตูที่ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด เสียไปในวันนี้ ส่วนหนึ่งมาจากความโชคร้ายของพวกเขาเอง ไม่ว่าจะเป็นจังหวะลื่นล้มของกองหลัง รวมไปถึง บอลที่กระดอนเป็นใจจนโดยซ้ำเข้าไปง่าย ๆ ในที่สุด
แค่นั้นยังไม่พอ ช่วงท้ายเกม พลพรรคดาบคู่ มีโอกาสได้ประตูตีไข่แตกจากลูกเปิดยัดเข้ากลาง บอลทะลุมาถึงเสาสองที่มี แม็คเบอร์นีย์ หัวหอกทีมเยือนรอชาร์จจ่อ ๆ อยู่แล้ว แต่เจ้าตัวกลับสไลด์ไปโดนบอลผิดเหลี่ยม บอลจึงลอยไปเข้ามือ อลิสซอน รับเอาไว้ได้อย่างสบาย ๆ
หงส์แดง รั้งจ่าฝูง ทิ้งห่าง 13 คะแนน และมีเกมในมืออีก 1 นัด
จากชัยชนะในนัดนี้ทำให้ทีมของ เยอร์เกน คล็อปป์ มีเพิ่มเป็น 58 คะแนน จากการลงเล่น 20 เกม ทิ้งห่างอันดับ 2 อย่าง เลสเตอร์ ซิตี้ 13 คะแนน แต่ยังแข่งน้อยกว่า 1 นัด นั่นหมายความว่าหากพวกเขาเอาชนะในนัดตกค้างได้ แต้มจะทิ้งห่างมากถึง 16 คะแนนเลยทีเดียว
หากดูจากระยะห่างของคะแนนแล้ว คงเหนื่อยหน่อยถ้า ทัพจิ้งจอกสยาม หรือแม้แต่ เรือใบสีฟ้า คิดจะไล่ตามให้ทัน แต่แน่นอนว่า บทเรียนมีให้เห็นแล้วในปีก่อน ฉนั้นทุกเกมจะยังประมาทไม่ได้เป็นอันขาด เพราะตอนนี้อยู่ที่ตัวพวกเขาเองล้วน ๆ แล้ว ว่าจะสามารถยกถ้วยแชมป์ขึ้นมาชูได้สำเร็จหรือไม่ หรือจะตกม้าตายช่วงท้ายฤดูกาลเหมือนซีซั่นก่อน เส้นทางยังอีกยาวไกล สงครามยังไม่จบ อย่างพึ่งรีบนับศพทหารนะจ๊ะ