ชำแหละ 5 ประเด็นร้อนหลังเกม ลิเวอร์พูล เปิดบ้านเชือด เอฟเวอร์ตัน 1-0
5. ความเป็นไปของเกม เกมที่ แอนฟิลด์ ออกสตาร์ทด้วยการครองบอลที่มากกว่าอย่างเห็นได้ชัดของ ลิเวอร์พูล ทว่าพวกเขากลับไม่สามารถสร้างโอกาสในพิ้นที่สุดท้ายได้อย่างจะแจ้งเท่าใดนักโดยเฉพาะเมื่อบรรดาแนวรุกต่างเล่นอย่างกล้าๆ กลัวๆ ในเขตอันตราย
ขณะที่จังหวะฉาบฉวยของ เอฟเวอร์ตัน กลับสามารถสร้างความหวาดเสียวได้ดีกว่าในครึ่งแรกและน่าจะได้ 3 ประตูจากโอกาสเหน่งๆ ของ ริชาร์ลิซอน และ โดมินิค คาลเวิร์ต-เลวิน ทว่าแนวรุกของ ท็อฟฟี่สีน้ำเงิน ก็ไม่เด็ดขาดพอ
ครึ่งหลังเกมยังคงเป็นรูปแบบเดิมแต่ช็อตฉาบฉวยของ เดอะบลูส์ หายไปอย่างสิ้นเชิงเมื่อพวกเขาไม่สามารถรักษาโมเมนตัมไว้ได้จากการผ่านบอลที่ไม่แม่นยำมากพอ ขณะที่บรรดาแนวรุก เร้ดแมชีน ยิ่งเล่นพวกเขายิ่งดูมั่นใจและค่อยๆ รุกคืบกระทั่งมาได้ประตูชัยในช่วงท้ายเกมจากการยิงสุดสวยของ เคอร์ติส โจนส์ ในที่สุด
4. สังเวย มิลเนอร์ ดาวเตะสารพัดประโยชน์วัย 34 ปีออกสตาร์ทในตำแหน่งแบ็คซ้ายและจากจังหวะพยายามเข้าสกัดลูกหลุดเดี่ยวของ ธีโอ วัลค็อตต์ ทำให้เจ้าตัวได้รับบาดเจ็บจนต้องถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนามตั้งแต่นาทีที่ 9 ของเกม
นับเป็นข่าวร้ายเพียงอย่างเดียวของ หงส์แดง ที่เกิดขึ้นในเกมนี้โดยที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ นายใหญ่ของพวกเขาก็ได้ให้สัมภาษณ์ยืนยันหลังจบเกมว่าน่าจะเป็นอาการที่หนักพอดีและจะต้องรอการประเมินจากทีมแพทย์ของพวกเขาอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ในอีกทางหนึ่งตัวสำรองของ มิลเนอร์ อย่าง ยาสเซอร์ ลารูชี เจ้าหนูวัย 19 ปีชาว อัลจีเรีย ก็เรียกได้ว่าแทบจะแจ้งเกิดในเกมนี้จากความแข็งแกร่งและความคล่องแคล่วของเจ้าตัว
3. เดบิวท์ มินามิโนะ สิ้นสุดการรอคอยของ เดอะค็อป กับการได้เห็น ทาคูมิ มินามิโนะ ลงเล่นในทีม ลิเวอร์พูล อย่างเป็นทางการต่อหน้ากองเชียร์ที่ แอนฟิลด์
สตาร์วัย 24 ปีทีมชาติ ญี่ปุ่น ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในบทบาทฟอลส์ไนน์ เจ้าตัวแทบจะถอดแบบการเคลื่อนที่สนันสนุนเพื่อนร่วมทีมไม่ต่างจาก โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน เจ้าของตำแหน่งตัวจริงเลย เรียกได้ว่า เยอร์เก้น คล็อปป์ จับเอาส่วนประกอบผู้เล่นจับใส่แท็คติกเดิมที่มีอยู่แล้วให้อดีตแข้ง เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก ปรับตัวให้เข้ากับรูปแบบการเล่นของทีมเสียก่อน
มินามิโนะ แสดงให้เห็นถึงความกระตือรือล้นในการเคลื่อนที่เพื่อหาพื้นที่วางสอดรับกับเพื่อนร่วมทีมแต่ก็มีหลายครั้งเช่นกันที่เจ้าตัววิ่งไปทับไลน์กับเพื่อนก่อนที่จะถูกเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 70
โดยรวมนับว่าเป็นสัญญาณที่ดีจากดาวเตะเจ้าของค่าตัว 7.25 ล้านปอนด์แต่แน่นอนว่าเขายังคงต้องใช้เวลาปรับตัวอีกพักใหญ่
2. เดิมพันหวังปิดเกมของ อันเชล็อตติ กลายเป็นดาบสองคม แม้ลูกทีมของ คาร์โล อันเชล็อตติ จะออกสตาร์ทเกมนี้ด้วยการเป็นฝ่ายครองบอลได้น้อยกว่า แต่การเล่นแบบน้อยจังหวะตักข้ามกองหลังเจ้าถิ่นสามารถสร้างโอกาสได้ลุ้นให้กับพวกเขาอย่างถนัดถนี่มากกว่าอย่างเห็นได้ชัดโดยเฉพาะในครึ่งแรก แต่ ท็อฟฟี่สีน้ำเงิน ไม่สามารถรักษาโมเมนตัมเอาไว้อย่างต่อเนื่องในครึ่งเวลาหลัง
ความแม่นยำในการจ่ายบอลไปยังพื้นที่สุดท้ายของ เดอะบลูส์ หลังพักครึ่งลดลงอย่างเห็นได้ชัด แบ็คโฟร์เจ้าถิ่นเหมือนจะถูกกำชับให้ตามไล่บี้ตัววิ่งของทีมเยือนยามบอลทำท่าจะถูกวางยาวมาแต่ไกล
ขณะที่การเปลี่ยนตัวเอา กิลฟี ซิเกิร์ดสสัน กับ เชมุส โคลแมน ออกจากสนามและส่งเอา ฟาเบียน เดลฟ์ กับ มอยเซ คีน ลงเล่นแทนที่พร้อมกับขยับเป็น 4-4-2 ทำให้เกมของ ท็อฟฟี่ ตกเป็นรองยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อมีกองกลางน้อยกว่าเจ้าบ้าน รวมทั้งบอลจากเท้าของ เดลฟ์ ที่วางหมากให้เป็นตัวจ่ายบอลจากแนวลึกแทงทแยงมุมไปด้านหน้าไม่สามารถหวังผลได้
1. เด็กระเบิด หงส์แดง ห้าวเป้ง เนโก้ วิลเลียมส์ (18 ปี), นาธาเนียล ฟิลลิปส์ (22 ปี), ยาสเซอร์ ลารูชี (19 ปี), เปโดร ชิริเวลลา (22 ปี), ฮาร์วีย์ เอลเลียต (16 ปี), เคอร์ติส โจนส์ (18 ปี) คือรายชื่อบรรดาแข้งวัยกระเตาะปรอทแตกของ ลิเวอร์พูล ที่ได้ลงเล่นสัมผัสความดุเดือดของศึก เมอร์ซีย์ไซด์ดาร์บี้ ที่ แอนฟิลด์ ในเกมนี้หากไม่นับรวม ริอาน บรูวสเตอร์ (19 ปี) ซึ่งถูกเปลี่ยนตัวลงสนามในช่วง 10 นาทีสุดท้าย
เจ้าหนู หงส์แดง ต้องขับเคี่ยวกับบรรดา เดอะบลูส์ ที่ใส่ผู้เล่นชุดที่ดีที่สุดลงสนาม แม้พวกเขาจะถูกล่อเป้าเหน่งๆ ให้เห็นอยู่บ้างแต่ชัยชนะในเกมดาร์บี้แบบนี้นับว่าเป็นการมอบความมั่นใจและเรียกร้องโอกาสอย่างกลายๆ ในรายการ เอฟเอ คัพ นัดต่อๆ ไปของพวกเขา
การพิสูจน์ตัวเองให้เห็นในเกมระดับสูงที่เต็มไปด้วยความกดดันแบบนี้ได้ก็ทำให้พวกเขาไม่ต้องเกรงกลัวหน้าไหนอีกต่อไป
อัลบั้มภาพ 48 ภาพ